FINANCE & INVESTMENT

BGC เข้าซื้อหุ้นกิจการโซลาร์ฟาร์มในเวียดนามขนาด 110.025 MW มูลค่ารวม 1.26 พันลบ.จาก บ.ย่อยของ EPCO
POSTED ON 08/09/2562


 

 

นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร กรรมการผู้จัดการ บมจ.บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส (BGC) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เข้าลงนามสัญญาซื้อขายหุ้นและหนี้ในวันที่ 6 กันยายน 2562 เพื่อเข้าซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท โซล่าร์ พาวเวอร์ แมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (SPM) จำนวนทั้งสิ้น 2,000,000 หุ้น หรือ คิดเป็น 100% ของหุ้นสามัญทั้งหมด รวมถึง การรับโอนสิทธิเรียกร้องในหนี้เงินกู้ยืมระยะสั้นจากบริษัทที่เกี่ยวข้องกันของ SPM ซึ่งเป็นหนี้คงค้างเพื่อบริษัท Phu Khanh Solar Power Joint Stock Company (PKS) ประมาณ 730 ล้านบาท ในราคาซื้อขายรวมกันทั้งสิ้น 1,259 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้ SPM มีสภาพเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ

ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามมติที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 4/2562 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2562

ปัจจุบัน SPM ถือหุ้น 65% ใน PKS และก่อนการเข้าทำธุรกรรมการซื้อขายเสร็จสมบูรณ์ SPM จะถือหุ้น 67% ของหุ้นทั้งหมดใน PKS โดย บมจ.คอมมิวนิเคชั่น แอนด์ ซิสเต็มส์ โซลูชั่น (CSS) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยถือหุ้นในสัดส่วน 25% และเป็นผู้ถือหุ้นอื่นในสัดส่วน 8%

 

สำหรับ PKS ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนจัดตั้งในประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ประกอบกิจการธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่จังหวัดฟูเยี้ยน ประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม จำนวน 2 โครงการ ประกอบด้วย โครงการ Xuan Tho 1 (โครงการ XT1) และ โครงการ Xuan Tho 2 (โครงการ XT2) ซึ่งเป็นโครงการที่มีการเริ่มต้นจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วทั้ง 2 โครงการ โดยมีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าให้กับ Electricity of Vietnam (EVN) รวม 99.216 เมกะวัตต์ (กำลังการผลิตติดตั้งรวม 110.025 เมกะวัตต์)

 

ขณะที่ บมจ.โรงพิมพ์ตะวันออก (EPCO) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2562 อนุมัติให้ บมจ. อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป (EP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ EPCO ถือหุ้นในสัดส่วน 75% ของหุ้นทั้งหมด ขายหุ้น 100% ของหุ้นทั้งหมดของ SPM

 

ทั้งนี้ก่อนดำเนินการซื้อขายหุ้นและหนี้ของ SPM ให้กับ BGC นั้น SPM จะซื้อหุ้นของ PKS เพิ่มจากผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งเป็นกรรมการของ Nam Viet Hung Investment Corporation ในสัดส่วน 2% โดยมีราคาซื้อหุ้นที่มูลค่า Par บวกด้วยกำไร 5% แล้วจึงดำเนินการซื้อขายหุ้นและหนี้ของ SPM ให้กับ BGC ต่อไป

 

พร้อมอนุมัติให้ EP จัดตั้งบริษัทย่อยในฮ่องกง เพิ่มอีกจำนวน 2 แห่ง โดย EP เป็นผู้ถือหุ้น 100% ในบริษัทย่อยดังกล่าว ทั้งนี้เพื่อเป็นการปรับโครงสร้างการถือหุ้นในบริษัทย่อยในต่างประเทศ และรองรับแผนธุรกิจในการลงทุน รวมถึงการขยายการลงทุนในต่างประเทศในอนาคต

 

นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ EPCO กล่าวว่า ปัจจุบัน SPM นอกจากถือหุ้นใน PKS แล้วยังถือหุ้นในบริษัท Alternative Energies Kabushiki Kaisha (AEKK) ซึ่งประกอบกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศญี่ปุ่น ดังนั้นก่อนการขายหุ้น และหนี้ของ SPM ให้แก่ BGC นั้น ทาง SPM จะต้องทำการขายหุ้น และการลงทุนทั้งหมดที่ถือใน AEKK ให้แก่ EP Group (HK) Company Limited (EPHK) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ EP ถือหุ้น100% และคาดว่าธุรกรรมจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือน ก.ย.62 ก่อนวันที่ทำรายการซื้อขายหุ้นและหนี้ฯในครั้งนี้

 

"ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะเกิดกับ EPCO คือทำให้บริษัทฯ มีเงินสดเพิ่มขึ้น และมีเงินทุนเพียงพอเพื่อรองรับการขยายธุรกิจ และการลงทุนใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมทั้งสามารถนำไปชำระคืนเงินกู้ เพื่อลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน และจะส่งผลให้มีฐานะทางการเงินที่มั่นคง และผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นต่อไป"

 

ส่วนแผนการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯอยู่ระหว่างการศึกษาและเตรียมความพร้อมขยายการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของโครงการลม และโซลาร์ลอยน้ำ โดยคณะกรรมการมีมติให้จดทะเบียนบริษัทใหม่อีก 2 บริษัทที่ Hong Kong เพื่อการลงทุนในเวียดนามภายใต้ EP Group (HK) Co.,Ltd. ชื่อ EPVN W1 (HK) Co.,Ltd. และEPVN W2 (HK) Co.,Ltd.

 

ขณะที่ธุรกิจสิ่งพิมพ์ คาดว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากการที่ EPCOเข้าถือหุ้นใหญ่ในโรงพิมพ์เนชั่น และแตกไลน์การผลิตไปในส่วนของกล่องลูกฟูกใน Q4/2562 เพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ช้อปสินค้าผ่านออนไลน์มากขึ้น ซึ่งจะช่วยผลักดันแนวโน้มรายได้และกำไรในปี 62-63 สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง