FINANCE & INVESTMENT

ส่องตลาดโมร็อกโก หนุนธุรกิจประมงไทย
POSTED ON 21/07/2559


การเงินการลงทุนอุตสาหกรรม 21 ก.ค.2559 - ฝ่ายวิจัยและข้อมูล สถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม เผยผลการศึกษาเรื่อง “รูปแบบการสร้างเครือข่ายการผลิตอุตสาหกรรมอาหารของไทยในโมร็อกโก” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาวิจัย “แนวทางการสร้างเครือข่ายการผลิตในอุตสาหกรรมอาหารเพื่อรองรับการขยายตัวในตลาดใหม่ : MENA” (Middle East & North America) พบว่า โมร็อกโกเป็นตลาดเกิดใหม่ที่มีเสถียรภาพและการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่โดดเด่น โดยมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ยร้อยละ 3.75 ต่อปี (ตั้งแต่ปี พ.ศ.2556-2561)

 

จากการจัดอันดับโดย World Economic Forum ในปี พ.ศ.2558-2559 โดยพิจารณาขีดความสามารถการแข่งขันด้านเศรษฐกิจ โมร็อกโกจัดเป็นอันดับ 9 ของภูมิภาค MENA และเป็นอันดับที่ 72 ของโลกจาก 140 ประเทศทั่วโลก ส่วนคู่ค้าที่สำคัญของโมร็อกโก ได้แก่ กลุ่มประเทศสหภาพยุโรป ซึ่งโมร็อกโกได้รับสถานภาพพิเศษจากสหภาพยุโรปตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 ในการทำความตกลง FTA สินค้าเกษตรระหว่างสหภาพยุโรปกับโมร็อกโก โดยยุโรปเป็นทั้งตลาดส่งออกและตลาดแรงงานที่สำคัญ นอกจากนี้ โมร็อกโกยังได้มีการลงนามเขตการค้าเสรีกับสหรัฐอเมริกาและตุรกีในช่วงที่ผ่านมาอีกด้วย

 

สำหรับสินค้าส่งออกสำคัญคือ ประมง ซาร์ดีนกระป๋อง สินค้านำเข้าสำคัญ คือ ข้าวสาลี ข้าวโพด ข้าว น้ำตาล น้ำมัน ไขมัน ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากแป้งข้าว โดยรัฐบาลโมร็อกโกมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติ ด้วยการออกมาตรการสำคัญหลายด้านที่เอื้อต่อการลงทุน

 

อุตสาหกรรมประมง นับเป็นอุตสาหกรรมสำคัญของโมร็อกโกในการสร้างรายได้ให้กับประเทศมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยมูลค่าการส่งออกในปี 2556 อยู่ที่ 11,700 ล้านเดียร์แฮม หรือราว 41,600 ล้านบาท คิดเป็น 58% ของมูลค่าการส่งออกอาหารทั้งหมด และ 6.8% ของการส่งออกสินค้าทั้งหมด เป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าประมงอันดับ 1 ในภูมิภาคแอฟริกา เป็นแหล่งวัตถุดิบสินค้าประมงที่สำคัญจัดเป็นอันดับที่ 18 ของโลก และเป็นอันดับ 2 ของภูมิภาคแอฟริกา รองจากประเทศอียิปต์ ปริมาณผลผลิตเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ประมาณ 1.087 ล้านตัน (ปี พ.ศ.2551-2555) ประเภทสัตว์น้ำที่จับจากธรรมชาติเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรม ได้แก่ ทูน่า ซาร์ดีน แมคเคอเรล หมึก โดยมีปริมาณที่จับได้ประมาณ 800,000 ตันต่อปี คิดเป็น 70% ของปริมาณสัตว์น้ำที่จับได้ทั้งหมด

 

จุดแข็งของโมร็อกโกในอุตสาหกรรมประมง คือ เป็นผู้นำด้านการส่งออกซาร์ดีนกระป๋อง ส่งออกไปมากที่สุดในตลาดสหภาพยุโรป มีปริมาณวัตถุดิบที่อุดมสมบูรณ์และราคาถูก มีแรงงานคุณภาพจำนวนเพียงพอและค่าจ้างไม่สูงมากนัก กระบวนการผลิตค่อนข้างมีประสิทธิภาพและทันสมัย มีชื่อเสียงที่ดีในตลาดโลก โดยเฉพาะซาร์ดีนกระป๋อง มีการพัฒนาซาร์ดีนแบบไร้หนังไร้ก้าง เพื่อเพิ่มมูลค่าและสร้างภาพลักษณ์ให้กับตราสินค้ามากขึ้น

 

ปัจจุบันโรงงานอุตสาหกรรมประมงในโมร็อกโกมีจำนวน 412 โรงงาน โดยมีธุรกิจหลัก ๆ ดังนี้

 

- บริษัทเดินเรือประมง 319 บริษัท - อุตสาหกรรมซาร์ดีนบรรจุกระป๋อง มีผู้ผลิตประมาณ 43 ราย มีการจ้างงานราว 21,000 คน - การถนอมอาหารขั้นต้น เช่น การหมักเกลือ มีผู้ผลิตประมาณ 20 ราย - อุตสาหกรรมอาหารทะเลแช่แข็ง ส่วนใหญ่เป็นซาร์ดีน แมคเคอเรล แอนโชวี่ และหมึก มีการจ้างงานราว 6,000 คน - อาหารทะเลสด มีผู้ผลิตประมาณ 40 ราย และมีการจ้างงานราว 3,000 ราย - อุตสาหกรรมน้ำมันปลาและปลาป่น ยังมีผู้ผลิตจำนวนน้อย มีการจ้างงานประมาณ 1,000 ราย

 

ปัจจุบันอุตสาหกรรมประมงในภาพรวมของประเทศไทยเริ่มสูญเสียขีดความสามารถในการแข่งขันในด้านปัจจัยการผลิตและการตลาด ขณะที่โมร็อกโกมีปัจจัยเอื้อหลายประการต่ออุตสาหกรรมประมง ดังนั้น จึงเป็นโอกาสที่ไทยจะสร้างพันธมิตรเพื่อเชื่อมต่อด้านการผลิตและการตลาดร่วมกัน และเพื่อเป็นการลดอุปสรรคทางการค้า

 

สำหรับปัจจัยสนับสนุนในโมร็อกโก ได้แก่

 

1. การใช้ประโยชน์ด้านวัตถุดิบประมงในโมร็อกโกที่มีปริมาณมากและมีคุณภาพดี เพื่อลดปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบการผลิต

 

2. ช่วยเพิ่มช่องทางการขยายตลาดใหม่ เช่น ภูมิภาคแอฟริกา และใช้ความได้เปรียบด้านการแข่งขันของโมร็อกโกในตลาดสหภาพยุโรป (ซึ่งไทยประสบปัญหามาตรการ IUU Fishing ของสหภาพยุโรป) ขณะที่จำนวนแรงงานในโมร็อกโก สามารถรองรับภาคอุตสาหกรรมได้อย่างเพียงพอ

 

3. อุตสาหกรรมประมงในโมร็อกโกมีส่วนเหลือใช้ที่สามารถนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่ม (High value fishery products) ได้อีก ดังนั้น การสร้างพันธมิตรทางการผลิตในรูปแบบทำข้อตกลงกันระหว่างอุตสาหกรรมหรือกิจการของไทยในโมร็อกโก โดยการนำส่วนเหลือใช้ (waste/by products) มาเพิ่มมูลค่าเป็นน้ำมันปลา ในรูปของ Crude oil เพื่อกระจายเข้าสู่อุตสาหกรรมการสกัดน้ำมันปลา และ Distilled fish oil และกระจายเข้าสู่อุตสาหกรรมยา อาหารเสริม และเครื่องสำอางค์ รวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทานอื่น ๆ ที่สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคในภูมิภาคใกล้เคียง เป็นต้น

 

โดยรูปแบบหรือลักษณะของธุรกิจประมงที่มีโอกาสในการสร้างเครือข่ายกับโมร็อกโก คือ การสร้างพันธมิตรทางการผลิต (Production Strategic Alliance) ให้กับประมงของไทยมีโอกาสเพิ่มความสามารถในการทำกำไร (Profitability) ที่เกิดจากการร่วมทุน การนำไปสู่การลดต้นทุนวัตถุดิบ การเพิ่มคุณค่า/มูลค่าสินค้า (Value added) เพื่อเข้าสู่ตลาดใหม่ตามเป้าหมายที่ทั้งสองฝ่ายกำหนดร่วมกัน จะส่งผลให้อุตสาหกรรมหรือกิจการของไทยและโมร็อกโกนำไปสู่ความได้เปรียบทางการแข่งขันให้กับอุตสาหกรรมทั้งสองประเทศ

 

ทั้งนี้ การลงทุนควรทำในรูปแบบกิจการร่วมค้า หรือ Joint Venture กับนักธุรกิจในประเทศโมร็อกโก สร้างพันธมิตรทางการผลิตและการตลาดระหว่างผู้ประกอบการไทยและโมร็อกโก ผ่านสมาคมนักธุรกิจไทย-โมร็อกโก ทั้งนี้ ผู้ผลิตรายใหญ่ที่มีศักยภาพ ได้แก่ Damsa ในกลุ่ม Copelit Group, Avero Moroc บริษัทในเครือ GB (Groupe Bicha) เป็นต้น

 

Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics