FACTORY VISIT

ดาว เคมิคอล เปิดบ้านโชว์โรงงาน PO ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
POSTED ON 27/05/2558


 

กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย เปิดบ้านให้สื่อมวลชนเข้าเยี่ยมชมโรงงานผลิตของบริษัทฯใน จ.ระยอง ซึ่งถือเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทฯในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก อีกทั้งยังล้ำหน้าด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมที่ทันสมัย พร้อมกันนี้ยังเผยถึงแผนงานด้านความเป็นเลิศในการปฏิบัติงานเพื่อการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนอีกด้วย

 

นายจิรศักดิ์ สิงห์มณีชัย กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย กล่าวว่า "เราให้ความสำคัญต่อกระบวนการผลิตเป็นอย่างมาก ตั้งแต่การออกแบบโรงงาน และการวางแผนการผลิตในทุกๆ ขั้นตอน ด้วยเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในขณะนั้น เพื่อสร้างความเป็นเลิศให้กับระบบจัดการด้านสิ่งแวดล้อม โดยบริษัทฯมุ่งขยายหลักการด้านความยั่งยืนของเราไปสู่ลูกค้าและผู้บริโภคผ่านผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้น รวมถึงยังมุ่งมั่นในการสร้างความเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืนไปพร้อมๆ กับความสำเร็จของสังคมและชุมชนอีกด้วย"

 

ในด้านการนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้ในกระบวนการผลิต โรงงานผลิตโพรพิลีนออกไซด์ (PO) ที่ใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นโรงงานแห่งเดียวในประเทศไทยที่ผลิตโพรพิลีนออกไซด์ของดาวได้มีการพัฒนาเทคโนโลยี HPPO (ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ กับ โพรพิลีน) ขึ้น เพื่อนำไปใช้ในการผลิต ซึ่งสามารถช่วยลดปริมาณน้ำเสียลงได้ถึง 80% อีกทั้งยังช่วยลดการใช้พลังงานได้มากกว่า 35% และยังลดความต้องการใช้สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานรวมถึงการใช้วัตถุดิบในการผลิตที่ซับซ้อนให้น้อยลงอีกด้วย

 

ขณะที่โรงงานโพลีออล (DMC Polyol) ของบริษัทฯ ซึ่งเป็นโรงงานโพลีออลที่ใช้เทคโนโลยี DMC ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก็สามารถลดการใช้พลังงานและน้ำเสียจากกระบวนการผลิตได้ถึง 50-75% และไม่ก่อให้เกิดกากของเสียจากการผลิตแบบ 100% ส่วนโรงงานโพลีเอทิลีนชนิดยืดหยุ่นพิเศษของบริษัทฯ ก็มีการออกแบบให้เป็นระบบปิด มีการรวบรวมไอระเหยจากกระบวนการผลิตไปกาจัดที่หอเผา ไม่ใช้สารที่เป็นสารก่อมะเร็งและสารที่เป็นสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่ายในกระบวนการผลิต ไม่มีการปล่อยออกไซด์ของซัลเฟอร์ ใช้เทคโนโลยีที่ออกแบบให้ลดการก่อตัวของออกไซด์ของก๊าซไนโตรเจนในกระบวนการผลิตในหัวเผาและหม้อต้มน้ำ

 

นอกจากนี้ โรงงานของดาวที่นิคมอุตสาหกรรมเอเซียก็มีการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในโรงบำบัดน้ำเสีย ด้วยกลไกบำบัดทางชีวภาพ ซึ่งสามารถสร้างความเชื่อมั่นว่าคุณภาพของน้ำที่ปล่อยออกสู่ภายนอกจะเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้

 

 

ในด้านความยั่งยืน ดาวมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับมนุษย์ ด้วยการเป็นผู้นำสังคมและโลกให้เปลี่ยนผ่านไปสู่ความยั่งยืนและเพิ่มคุณค่าให้กับเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคมอย่างสูงสุด โดยดาวได้กำหนดเป้าหมายในปี 2558 ซึ่งมุ่งเน้นขยายหลักการความยั่งยืนไปสู่ลูกค้าและผู้บริโภคโดยผ่านผลิตภัณฑ์ที่บริษัทฯพัฒนาขึ้น เพื่อตอบโจทย์ด้านการขาดแคลนทรัพยากรของโลกในด้านต่างๆ อาทิ ด้านน้ำดื่มสะอาด ด้านผลผลิตทางการเกษตร ด้านพลังงาน เป็นต้น ขณะที่เป้าหมาย 10 ปีในด้านความยั่งยืนนั้น (ปี 2558-2568) ดาวได้มุ่งเน้นที่จะร่วมวางพิมพ์เขียว (Blueprint) เพื่อนำสังคมไปสู่ความยั่งยืน โดยจะทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนทั้งลูกค้า คู่ค้า ชุมชน และภาครัฐ ให้มากอีกขึ้น

 

ดาว เคมิคอล ก่อตั้งมากว่า 118 ปี มีสานักงานใหญ่อยู่ที่เมืองมิดแลนด์ รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา บริษัทฯเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยใช้องค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ด้วยนักวิจัยกว่า 6,800 คน จากพนักงานรวมประมาณ 53,000 คน ทั่วโลก เพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯให้แก่ลูกค้าใน 180 ประเทศทั่วโลกในอุตสาหกรรมหลากหลาย โดยมีผลิตภัณฑ์มากกว่า 6,000 รายการที่ผลิตจากโรงงานต่างๆ ทั้ง 201 แห่ง ใน 36 ประเทศทั่วโลก และใช้งบประมาณในการวิจัยมากกว่า 1.7 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี

 

สำหรับในประเทศไทย ดาว เคมิคอล เริ่มเข้ามาทำธุรกิจตั้งแต่ปี 2510 และจัดตั้งบริษัท ดาว เคมิคอล ประเทศไทย จำกัด ขึ้น เพื่อนำเข้าและจัดจำหน่ายเคมีภัณฑ์ ในปี 2521 โดยดาวได้ตั้งโรงงานแห่งแรกขึ้นที่ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เพื่อผลิตโพลีสไตรีน ต่อมาในปี 2530 ดาวได้ลงนามร่วมทุนกับเอสซีจี เพื่อก่อตั้งบริษัทร่วมทุน เอสซีจี-ดาว ขึ้น และได้ขยายฐานการผลิตไปยังนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง โดยการก่อสร้างโรงงานสไตรีน-บิวตาไดอีน เลเท็กซ์ และโรงงานโพลียูริเทน

 

ปัจจุบันมีบริษัทในเครือทั้งหมด 9 บริษัท และมีโรงงานต่างๆ รวมทั้งหมด 15 โรงงาน ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด นิคมอุตสาหกรรมเอเชีย และนิคมอุตสาหกรรมเหมราชตะวันออก อาทิ โรงงานเลเท็กซ์ โพลีออล สไตรีนโมโนเมอร์ โพลิเอททิลีน โพลิสไตรีน โพรพิลีนออกไซด์ รวมถึงโรงงานผลิตโพลีอีเทอร์ และโพลีออลแห่งใหม่ของบริษัทฯ โดยปัจจุบันบริษัทฯมียอดการผลิตรวมทั้งสิ้นปีละประมาณ 2.13 ล้านตัน

 

ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของดาว ประเทศไทย ทั้งที่ผลิตเองในประเทศและนำเข้ามาเพื่อจำหน่ายมีมากกว่า 1,000 รายการ ซึ่งจำหน่ายให้กับลูกค้าในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ อุตสาหกรรมเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ อุตสาหกรรมการก่อสร้าง และอื่นๆ อีกมากมาย