Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics

เมื่อวันที่ 30 ม.ค.2561 ที่ผ่านมา บริษัท รี้ด เทรดเด็กซ์ จำกัด ได้เชิญสื่อมวลชนและผู้ประกอบการจากหลากหลายอุตสาหกรรมเข้าร่วมฟังทิศทางเศรษฐกิจ และแนวคิดในการจัดงาน Manufacturing Expo 2018 หรือ ME 2018 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-23 มิ.ย.2561 ณ ไบเทค บางนา โดยงานในปีนี้จะมุ่งเน้นการถ่ายทอดแนวคิดและโซลูชั่นในรูปแบบของการเชื่อมโยงเทคโนโลยีแทนการนำเสนอเครื่องจักรเดี่ยวแบบในอดีต พร้อมทั้งเปิดเวทีกลางให้เจ้าของเทคโนโลยีต่าง ๆ ได้ร่วมกันจัดทำเทคโนโลยีต้นแบบเพื่อนำเสนอแก่ผู้เข้าร่วมงานให้เข้าใจ เข้าถึง และได้ทดลองใช้งานเสมือนการผลิตจริง โดยเชื่อมโยงระบบอัตโนมัติ เซ็นเซอร์ การตรวจวัด และการตรวจนับแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว ก่อนนำไปประกอบเป็นชิ้นงาน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการให้สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัย และหาคำตอบในการเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิตที่เพิ่มประสิทธิภาพ และมุ่งสู่การผลิตชิ้นส่วนที่มีมูลค่ามากยิ่งขึ้น

นายดวงเด็ด ย้วยความดี รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท รี้ด เทรดเด็กซ์ จำกัด กล่าวว่า จากแนวโน้มของการปฏิวัติอุตสาหกรรมสู่ยุค 4.0 ทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศอาเซียน ได้กลายเป็นการผลิตที่เชื่อมโยงกันทั่วโลกแบบไร้ขีดจำกัดเรื่องระยะทาง ประกอบกับยุทธศาสตร์ชาติ Thailand 4.0 ที่มุ่งส่งเสริมอุตสาหกรรมใหม่และพัฒนาอุตสาหกรรมเก่า 5+5 เพื่อหวังเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในช่วงเวลา 20 ปีข้างหน้านี้ โดยภาครัฐตั้งเป้าว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า หรือภายในปี พ.ศ.2565 ประเทศไทยควรจะมีโรงงานที่ใช้หุ่นยนต์ในภาคการผลิตไม่น้อยกว่า 70,000 โรงงาน จากทั้งหมด 140,000 โรงงาน โดยในระหว่างปี 2559-2560 ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีการนำเข้าหุ่นยนต์มาใช้ในภาคอุตสาหกรรมเฉลี่ยประมาณปีละ 3,500 ตัว ส่วนในปี 2561 นี้คาดว่าผู้ประกอบการขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมการผลิตอาหาร เครื่องดื่ม และอิเล็กทรอนิกส์ จะนำหุ่นยนต์มาใช้ในกระบวนการผลิตมากที่สุด

ขณะที่การผลิตรถยนต์แห่งอนาคตและหุ่นยนต์ระบบอัตโนมัติยังคงเป็นเทรนด์ที่ทั่วโลกให้ความสนใจ ซึ่งประเทศไทยถือเป็นฐานการผลิตที่มีความแข็งแกร่ง เนื่องจากมีประสบการณ์ในการร่วมผลิตให้กับแบรนด์ชั้นนำทั่วโลก ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยจึงควรอาศัยจุดแข็งนี้เพื่อชิงฐานการผลิตรถยนต์แห่งอนาคตและหุ่นยนต์ระบบอัตโนมัติผ่านการสร้างเครือข่ายพันธมิตรในภูมิภาค โดยเฉพาะอาเซียน พร้อมทั้งเชื่อมโยงเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในกระบวนการผลิตให้มากขึ้น  

รี้ด เทรดเด็กซ์ จึงมุ่งมั่นที่จะตอบสนองยุทธศาสตร์ชาติ Thailand 4.0 เดินหน้าสนับสนุน 6 ใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-curve industries) ซึ่งได้แก่ ชิ้นส่วนยานยนต์สมัยใหม่ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ หุ่นยนต์ ชิ้นส่วนอากาศยาน อุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ครบวงจร และการแปรรูปอาหาร โดยเปิดเวทีสัมมนา MExperience เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับอุตสาหกรรมการผลิตด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย

สำหรับกิจกรรมไฮไลต์ที่จะเกิดขึ้นภายในงาน เช่น Cutting Tools Runway ที่จะนำเสนอชิ้นงานเทคโนโลยีผ่านรูปแบบแฟชั่นโชว์ และ Top of The Best ซึ่งเป็นเวทีสาธิตประสิทธิภาพของเครี่องจักรและซอฟท์แวร์ที่เกี่ยวข้องแบบ Integrated System นอกจากนี้ ยังจัดให้มีกิจกรรม MFair ซึ่งเป็นการจับคู่ทางธุรกิจระหว่างผู้ผลิตจากประเทศญี่ปุ่น และผู้รับช่วงการผลิตของไทยในอุตสาหกรรมสนับสนุน เพื่อสร้างพื้นที่ในการเจรจาการค้าให้กับผู้ร่วมงาน รวมทั้งสร้างโอกาสแห่งการเติบโตของอุตสาหกรรมไทยอย่างรอบด้านให้ครบถ้วนทุกมิติอีกด้วย