ENVIRONMENT

อมตะ-เอสซีจี-ดาว จับมือพัฒนาถนนพลาสติกรีไซเคิลเส้นแรกในนิคมฯอมตะซิตี้
POSTED ON 05/10/2561


Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics

 

 

บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี และกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อสร้างถนนพลาสติกรีไซเคิลเส้นแรกในนิคมอุตสาหกรรม ณ ต้นแบบเมืองอัจฉริยะอมตะซิตี้ชลบุรี ซึ่งเป็นการสร้างคุณค่าให้กับขยะพลาสติกตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน ช่วยแก้ปัญหาการจัดการขยะภายในนิคมอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการตอบโจทย์นวัตกรรมถนนยางมะตอยที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประเทศไทย

 

ในแต่ละปี ประเทศไทยมีขยะพลาสติกประมาณ 1.5 ล้านตัน ที่ยังไม่ได้ถูกจัดการอย่างถูกวิธี ซึ่งบางส่วนอาจถูกพัดออกสู่มหาสมุทร ส่งผลต่อระบบนิเวศ โครงการถนนพลาสติกรีไซเคิล ณ ต้นแบบเมืองอัจฉริยะอมตะซิตี้ โดยความร่วมมือทางเทคโนโลยีระหว่างเอสซีจี และกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย มุ่งหวังที่จะเป็นแบบอย่างในการจัดการขยะพลาสติกจากภาคอุตสาหกรรมและภาคชุมชนได้อย่างยั่งยืนตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน สร้างคุณค่าให้กับพลาสติกใช้แล้วนำทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ให้คุ้มค่าและยั่งยืน โดยโครงการนี้วางแผนที่จะทำถนนพลาสติกรีไซเคิลในพื้นที่นิคมฯอมตะรวมทั้งสิ้น 2,600 ตารางเมตร และคาดว่าจะใช้จำนวนพลาสติกรีไซเคิลประมาณ 1.3 ตัน หรือเทียบเท่ากับถุงพลาสติก จำนวนประมาณ 1 แสนใบ โดยคาดว่าการก่อสร้างถนนพลาสติกรีไซเคิลในครั้งนี้จะแล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายน 2561

 

จากการทดสอบโดยภาควิชาโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เปรียบเทียบคุณสมบัติของถนนยางมะตอยซึ่งใช้พลาสติกรีไซเคิลเป็นส่วนประกอบกับถนนยางมะตอยทั่วไป พบว่า ถนนยางมะตอยซึ่งมีพลาสติกรีไซเคิลเป็นส่วนประกอบนั้นมีคุณสมบัติดีขึ้นทั้งในด้านการเพิ่มความแข็งแรงคงทนประมาณร้อยละ 15-33 และการเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนประมาณร้อยละ 6

 

 

นายวิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ผู้อำนวยการสายงานพัฒนาที่ดิน บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชัน กล่าวว่า ความร่วมมือ 3 ฝ่ายครั้งนี้เพื่อนำพลาสติกรีไซเคิลมาเป็นส่วนประกอบของการสร้างถนนในพื้นที่นำร่องภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ชลบุรี เพื่อสร้างต้นแบบเมืองอัจฉริยะ หรือ สมาร์ทซิตี้ แห่งแรกของไทย ซึ่งการสร้างถนนจากพลาสติกรีไซเคิลนอกจากจะมีความแข็งแรงทนทานและประสิทธิภาพสูงกว่ายางมะตอยทั่วไปแล้ว ยังช่วยส่งเสริมและสนับสนุนการแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกอย่างเป็นรูปธรรม ส่งเสริมให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) อันจะนำมาซึ่งการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมให้กับประเทศไทยอย่างมีประสิทธิภาพ

 

"เบื้องต้นจะมีการนำพลาสติกรีไซเคิลมาสร้างถนน 2 จุดในนิคมฯอมตะซิตี้ ชลบุรี ซึ่งการดำเนินงานนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งในการตอบโจทย์ของสมาร์ทซิตี้ คือ Smart Environment ซึ่งสอดรับกับนโยบายรัฐบาลที่วางเป้าหมายสนับสนุนให้เกิดสมาร์ทซิตี้โดยเฉพาะในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และถือเป็นถนนพลาสติกรีไซเคิลเส้นแรกในนิคมอุตสาหกรรมของประเทศไทยที่จะนำขยะพลาสติกมาใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการสร้างถนนที่ใช้งานได้จริง และยังเป็นโครงการนำร่องที่จะดำเนินการในพื้นที่อื่น ๆ ต่อไป" นายวิวัฒน์กล่าว

 

นายชลณัฐ ญาณารณพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี กล่าวว่า แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนเป็นแนวทางเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่ให้ความสำคัญกับการรักษาคุณค่าของทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยใช้ทรัพยากรเท่าที่จำเป็นให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ธุรกิจ และประชาสังคม สำหรับความร่วมมือกับอมตะและดาวในครั้งนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่แข็งแกร่งและมีอุดมการณ์เดียวกันในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนให้เกิดขึ้นจริงและยั่งยืน โดยเอสซีจีพร้อมที่จะร่วมมือและช่วยขับเคลื่อนเพื่อพัฒนาถนนพลาสติกรีไซเคิล ณ นิคมฯ อมตะซิตี้ชลบุรี ให้เป็นถนนพลาสติกรีไซเคิลที่ใช้งานได้จริง และสามารถขยายโครงการนี้ต่อไปยังภาคส่วนอื่นๆในอนาคต ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการลดปัญหาขยะพลาสติกอย่างยั่งยืน

 

นายฉัตรชัย เลื่อนผลเจริญชัย ประธานบริหาร กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย กล่าวว่า ดาว ได้ริเริ่มโครงการสร้างถนนยางมะตอยจากพลาสติกรีไซเคิลในประเทศอินเดียและอินโดนีเซียมาก่อนหน้านี้ และได้รับความสำเร็จอย่างดี โดยมีระยะความยาวของถนนรวมกว่า 40 กิโลเมตร นอกจากถนนพลาสติกรีไซเคิลจะช่วยแก้ปัญหาขยะพลาสติกได้อย่างยั่งยืนแล้ว ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพของถนนยางมะตอยอีกด้วย ซึ่งคุณสมบัติของพลาสติกจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงทนทานและกันการกัดเซาะของพื้นผิวถนนได้ดีขึ้นด้วยความร่วมมือของทั้ง 3 ฝ่ายในครั้งนี้ จะทำให้เราสามารถพัฒนาเทคโนโลยีและรูปแบบการรีไซเคิลพลาสติกให้เหมาะสมสำหรับการทำถนนในประเทศไทยได้ดีมากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นแนวทางหนึ่งของการลดปริมาณะพลาสติกที่ออกไปสู่ทะเลได้อย่างเป็นรูปธรรม