บริษัท ทรินา โซลาร์ จำกัด (Trina Solar) ประกาศว่า โมดูล Vertex ของบริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าสูงถึง 515.8W จากการทดสอบโดย TUV Rheinland นับเป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าและหลักชัยสำคัญ หลังจากที่บริษัทเปิดสายการผลิตนำร่องสำหรับผลิตโมดูล Vertex ในปริมาณมากเมื่อวันที่ 18 มีนาคม และส่งมอบโมดูล Vertex ล็อตแรกเมื่อวันที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา

โมดูล Vertex เป็นโมดูลกำลังสูงเป็นพิเศษรุ่นแรก ๆ ที่ได้รับการรับรองจากสถาบันทดสอบระดับนานาชาติหลายแห่ง โมดูล Vertex ผ่านการทดสอบมาตรฐาน IEC ของ TUV Rheinland โดยได้รับการรับรองมาตรฐานประสิทธิภาพโมดูล IEC 61215 และมาตรฐานความปลอดภัยโมดูล IEC 61730

คริส โจว รองประธานฝ่าย Solar Services บริษัท TUV Rheinland Greater China กล่าวว่า “นับตั้งแต่ทรินา โซลาร์ เริ่มพัฒนาโมดูลกำลังสูงเป็นพิเศษ TUV Rheinland ก็ได้ร่วมพูดคุยและแบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ โมดูล Vertex ของทรินา โซลาร์ ผ่านการทดสอบที่เข้มงวดและครอบคลุมของ TUV Rheinland ด้วยกำลังการผลิตไฟฟ้าสูงถึง 515.8W ซึ่งสะท้อนถึงความเป็นเลิศด้านการวิจัยและพัฒนาของทรินา โซลาร์ รวมถึงความสามารถในการสนับสนุนห่วงโซ่อุตสาหกรรมที่สั่งสมมานานหลายปี เราขอแสดงความยินดีกับทรินา โซลาร์ ที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามในการเป็นผู้นำการเติบโตของอุตสาหกรรม และขอชื่นชมในความมุ่งมั่นที่จะพัฒนานวัตกรรมอย่างไม่หยุดยั้ง”

หยิน หรงฟาง รองประธานบริหารและรองผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทรินา โซลาร์ กล่าวว่า “โมดูล Vertex สร้างมาตรฐานใหม่ด้วยการบูรณาการหลากหลายเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน เช่น ซิลิคอนเวเฟอร์ขนาดใหญ่ 210 มม. มัลติบัสบาร์ เทคโนโลยีการตัดแบ่งโมดูลเป็นสามส่วนโดยไม่สร้างความเสียหายและมีความหนาแน่นสูง ซึ่งสะท้อนถึงทิศทางการพัฒนาในอนาคต และทำให้เราตื่นเต้นกับความเป็นไปได้ใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา”

“การพัฒนาและความก้าวหน้าในห่วงโซ่อุตสาหกรรม โดยเฉพาะการเพิ่มแถวของเซลล์จากเดิมที่มีห้าแถว สามารถทำให้โมดูล Vertex มีกำลังการผลิตไฟฟ้าทะลุ 600W และเราคาดว่ากำลังการผลิตไฟฟ้าของโมดูล Vertex จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ประสิทธิภาพการแปลงพลังงานของเซลล์ PERC+ ที่มีแนวโน้มทะลุระดับ 24% รวมถึงการปรับปรุงดีไซน์ของโมดูล การเพิ่มโหลด และการติดตั้งปลายน้ำ โดยถือเป็นทิศทางและแนวทางการพัฒนาโมดูลในอนาคต ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนอุปกรณ์ประกอบระบบ (BOS) และต้นทุนการผลิตไฟฟ้าต่อหน่วยไฟฟ้าปรับเฉลี่ย (LCOE) อย่างต่อเนื่อง”