ENERGY

BCPG เจรจากลุ่มนิคมฯ ร่วมพัฒนาโซลาร์รูฟท็อป 4 MW ตั้งเป้าลงทุนพลังงานลม 1,000 MW ใน 5 ปี
POSTED ON 15/01/2562


Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics, Economic

บมจ.บีซีพีจีเดินหน้าเจรจากลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ร่วมพัฒนาโซลาร์รูฟท็อป กำลังการผลิตไฟฟ้า 4 เมกะวัตต์ พร้อมเตรียมเสนอรูปแบบธุรกิตผลิตไฟฟ้าใหม่ป้อนอุตสหกรรมากขึ้น ซึ่งจะเน้นในด้านประหยัดพลังงานและความคุ้มค่าในการลงทุนเป็นหลัก

 

นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บีซีพีจี (BCPG) เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าในรูปแบบ retail ซึ่งเป็นการทำตลาดกับผู้บริโภครายย่อยผ่านการทำโซลาร์รูฟท็อป ในส่วนของพันธมิตรนิคมอุตสาหกรรมนั้นคาดว่าจะมีความชัดเจนในปีนี้ หลังการเจรจามีความคืบหน้าเบื้องต้นจะดำเนินการในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรรม กำลังการผลิตไฟฟ้า 4 เมกะวัตต์ (MW)

 

ก่อนหน้านี้ บริษัทเปิดตัวโครงการแรกร่วมกับพันธมิตรอสังหาริมทรัพย์อย่าง บมจ.แสนสิริ (SIRI) ในโครงการ T77 ขนาดกำลังการผลิตราว 600 กิโลวัตต์ (KW) เริ่มมีการซื้อขายไฟฟ้าแล้วเมื่อเดือนส.ค.61 และโครงการที่ 2 ที่ดำเนินการในพื้นที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ขนาด 12 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเริ่มซื้อขายไฟฟ้าได้ในอีก 6-8 เดือนข้างหน้า

 

"เรายังมีอีกหลาย project ต่อจากโครงการมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก็ได้คุยกับผู้ประกอบการรายใหญ่ในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งในปีนี้ก็น่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น"นายบัณฑิต กล่าว

นายบัณฑิต กล่าวอีกว่า สำหรับโครงการ T77 การซื้อขายไฟฟ้าในปัจจุบันยังเป็นการขายจากบริษัทไปยังลูกค้าจำนวน 4 ราย ได้แก่ คอมมูนิตี้มอลล์ ,โรงเรียน ,คอนโดมิเนียม และโรงพยาบาลฟัน โดยยังไม่ได้เป็นการซื้อขายระหว่างกันเองของลูกค้าผ่านอินเตอร์เน็ตแบบ Peer-to-Peer trading เนื่องจากยังต้องรอให้การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) สรุปหลักเกณฑ์และการกำหนดอัตราค่าใช้บริการสายส่งระบบจำหน่าย (Wheeling Charge) ออกมาก่อน รวมถึงยังมีรายละเอียดปลีกย่อยเกี่ยวกับการอ่านมิเตอร์ ที่หากมีการซื้อขายระหว่างกันก็จะเป็นในรูปแบบของสมาร์ทมิเตอร์ เป็นต้น

 

นอกจากนี้บริษัทยังได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจเบื้องต้น (MOU) เพื่อร่วมมือกับ SIRI เพื่อติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปในโครงการที่พักอาศัยของ SIRI จำนวน 30 โครงการ ภายใน 3-5 ปีเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าเป็น 2-5 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันที่มีเฉพาะโครงการ T77

 

ส่วนการพัฒนาโครงการโซลาร์รูฟท็อปใน มช.นั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการติดตั้ง ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จใน 6-8 เดือน ก็จะเริ่มสามารถแลกเปลี่ยนไฟฟ้าภายในอาคารที่อยู่ในพื้นที่มหาวิทยาลัยได้ โดยผ่านสายส่งที่บริษัทเป็นผู้ลงทุนให้ภายในมหาวิทยาลัย ทำให้การแลกเปลี่ยนไฟฟ้าดังกล่าวไม่จำเป็นต้องรออัตรา Wheeling Charge จากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) แต่ในอนาคตหากการใช้ไฟฟ้าในพื้นที่มช.มีเหลือ และจะส่งไฟฟ้าออกไปย่านเศรษฐกิจนอกบริเวณมช. ในลักษณะ Peer-to-Peer trading ก็จำเป็นต้องใช้สายส่งของกฟภ. ซึ่งต้องรอการกำหนดอัตรา Wheeling Charge ดังกล่าวด้วย

 

ทั้งนี้ BCPG มีพาวเวอร์ เล็ดเจอร์ จากออสเตรเลีย เป็นพันธมิตร โดยพาวเวอร์ เล็ดเจอร์ เป็นผู้พัฒนาแพลตฟอร์มตัวกลางการซื้อขายแลกเปลี่ยนไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Peer-to-Peer ผ่านอินเทอร์เน็ต โดยนำแนวคิดการจัดการธุรกรรมผ่าน Smart Contract ชั้นนำระดับโลกอย่าง Blockchain มาใช้

นายบัณฑิต กล่าวว่า ในอนาคตบริษัทก็จะร่วมมือกับพาวเวอร์ เล็ดเจอร์ เพื่อต่อยอดการดำเนินโครงการไปยังประเทศอื่น ๆ ด้วยนอกจากนี้ บริษัทก็มีโอกาสจะเติบโตได้ตามร่างแผน PDP ดังกล่าวที่จะให้มีกำลังการผลิตโซลาร์ภาคประชาชนตลอดแผนรวม 10,000 เมกะวัตต์ หรือราว 500 เมกะวัตต์/ปี โดยคาดหวังว่าจะมีส่วนแบ่งกำลังการผลิตในส่วนนี้ราว 10-50% ขณะที่บริษัทได้ตั้งงบลงทุนในช่วง 5 ปี (ปี 61-65) ราว 3-4 หมื่นล้านบาท ซึ่งรวมถึงการพัฒนาโรงไฟฟ้าที่มีอยู่ในมือ ที่ปัจจุบันดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าใน 2 รูปแบบ ได้แก่ wholesale ที่เป็นรูปแบบการสร้างโรงไฟฟ้าขายเข้าระบบ ทั้งในส่วนของพลังงานลม ,โซลาร์ ,พลังงานใต้พิภพ และอื่น ๆ และ retail ซึ่งเป็นทำตลาดกับผู้บริโภครายย่อย ผ่านการทำโซลาร์รูฟท็อปในประเทศในรูปแบบต่าง ๆ

 

ตลอดจนการลงทุนในดีลเข้าซื้อกิจการ (M&A) ต่าง ๆ ด้วย โดยล่าสุดบริษัทยังให้ความสนใจที่จะเข้ายื่นข้อเสนอซื้อกิจการของบริษัท โกลว์ เอสพีพี 1 จำกัด (SPP1) จาก บมจ.โกลว์ พลังงาน (GLOW) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก (SPP) ประเภทพลังงานความร้อนร่วม (Cogeneration) และจะนับเป็นโครงการแรกประเภทเชื้อเพลิงฟอสซิล จากปัจจุบันที่มีเฉพาะโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน แต่ในส่วนของโครงการโกลว์ เอสพีพี 1 ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงนั้น ก็นับว่าเป็นหนึ่งในพลังงานสะอาดเช่นกัน

 

"เราก็จะเข้าไปลองดูว่าเป็นอย่างไร gas business ก็เป็นอะไรที่มองอยู่ แต่ก็อยู่ในขั้นต้นมาก ๆ การจะเข้าไปใน sector gas ก็มีผู้เล่นรายใหญ่ ๆ หลายราย แต่ถ้าพูดถึง green เราเป็นเจ้าใหญ่ ถ้าจะข้ามเส้นไปก็ต้องดูให้ดี ถ้าจะทำก็ต้องให้ได้ scale หรือเข้าไปอยู่ในบางส่วนของ value chain ที่เรายังขาดอยู่ กระบวนการของเอสพีพี 1 คงใช้เวลาตอนนี้เราก็แค่ส่งเรื่องให้เขาว่าเราสนใจ แต่ก็อาจจะถอนก็ได้ยังไม่รู้"นายบัณฑิต กล่าว

 

นายบัณฑิต กล่าวด้วยว่า บริษัทมีแผนการลงทุนเพื่อขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องผ่านโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนประเภทต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจพลังงานลม ที่บริษัทตั้งเป้าลงทุน 1,000 เมกะวัตต์ ภายใน 5 ปี และยังมีโครงการในธุรกิจ digital energy ที่กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจากับพันธมิตรอีกหลายโครงการด้วยเช่นกัน