ENERGY

Windlab ผนึก Vestas เดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้าระบบไฮบริดระดับสาธารณูปโภค
POSTED ON 09/01/2561


Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics

 

 

สองผู้นำแห่งอุตสาหกรรมพลังงานทางเลือกได้ประกาศรายละเอียดขั้นสุดท้ายของโครงการที่จะช่วยเร่งกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้ระบบ Hybrid system โดยพลังงานทดแทน และมีเป้าหมายเพื่อผลิตพลังงานทดแทนที่เชื่อถือได้และสามารถตอบสนองความต้องการและสอดคล้องกับข้อกำหนดด้านการเชื่อมต่อไฟฟ้า

 

จากการพัฒนาโดยบริษัทพลังงานทดแทนระดับโลกจากออสเตรเลียอย่าง Windlab ด้วยการสนับสนุนของ Vestas ผู้นำระดับโลกด้านการผลิตพลังงานจากลม จึงทำให้โครงการ Kennedy Energy Park Phase I กำลังผลิต 60.2 MW สามารถขึ้นแท่นเป็นโครงการระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้าในแบตเตอรี่ ร่วมกับ พลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์แบบออนกริด เพื่อรองรับการใช้งานในระดับสาธารณูปโภคเป็นโครงการแรกของโลก โดยออกแบบให้สามารถจ่ายไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่เสถียร เพื่อตอบสนองความต้องการด้านพลังงานการใช้ไฟฟ้าในออสเตรเลีย

 

นอกจากนี้ Kennedy Phase I ยังช่วยปูทางให้ออสเตรเลียและประเทศอื่น ๆ เพิ่มสัดส่วนพลังงานทางเลือกเข้าไปในระบบ Hybrid system และรับมือความท้าทายด้านความเสถียรของระบบจัดการสายส่งไฟฟ้า ซึ่งเดิมถือเป็นข้อจำกัดที่ขัดขวางการใช้พลังงานทดแทนได้อย่างแพร่หลายมากขึ้น

 

สำหรับโครงการ Kennedy Energy Park Phase I ตั้งอยู่ในฟลินเดอร์ส ไชร์ (Flinders Shire) ในรัฐควีนส์แลนด์ ซึ่งมีทำเลเหมาะกับการเป็นฐานผลิตพลังงานจากลมและแสงอาทิตย์ระดับแถวหน้าของโลก โดยโครงการ Kennedy Phase I ประกอบด้วย การผลิตกระแสไฟฟ้ากังหันลม V136-3.6 MW ของ Vestas ขนาด 43.2 MW พลังงานแสงอาทิตย์ 15 MW และระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้าในแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Li Ion) ขนาด 2 MW/4 MWh โดยกำลังไฟฟ้าทั้งหมดนี้บริหารจัดการโดยระบบการควบคุมของ Vestas ซึ่งจะใช้ในการดำเนินงานโรงไฟฟ้าระบบไฮบริดแห่งนี้

 

ขณะเดียวกัน เพื่อเป็นการสนับสนุนเพิ่มเติมโครงการโรงไฟฟ้าไฮบริดในออสเตรเลีย ทาง Windlab จะร่วมมือกับ Vestas ในการแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับจากการสร้างและดำเนินงาน Kennedy Phase I ผ่านทางสำนักงานพลังงานทดแทนแห่งออสเตรเลีย

 

นายโรเจอร์ ไพรซ์ CEO ของ Windlab กล่าวว่า "Kennedy Phase I เป็นโครงการแรกในประเภทนี้ที่ถือกำเนิดขึ้นในออสเตรเลีย และนำพาประเทศไปสู่การใช้พลังงานทางเลือกรูปแบบใหม่ที่มีความน่าเชื่อถือสูง สามารถตอบสนองความต้องการไฟฟ้าในระบบ เราทำงานร่วมกับ Vestas ได้เป็นอย่างดี ผลิตภัณฑ์และศักยภาพด้านบริการของบริษัทฯ มีประโยชน์มากต่อการจัดการการเชื่อมต่อโครงข่ายไฟฟ้าและการปฏิบัติตามข้อกำหนดซึ่งเป็นเรื่องท้าทาย จนสามารถพัฒนาพลังงานที่มีต้นทุนถูกลง"

 

การผสมผสานที่ยอดเยี่ยมระหว่างพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ ทำให้ Kennedy Phase I สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าที่เสถียรและตอบสนองความต้องการได้มากขึ้น และมีศักยภาพการผลิตที่สูงขึ้น ระบบการควบคุมของ Vestas จะเปิดทางให้พลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์สามารถทำงานร่วมกันในรูปโรงไฟฟ้าแบบบูรณาการ และจะสอดคล้องกับข้อกำหนดด้านโครงข่ายไฟฟ้า

 

ด้าน นายจอห์นนี ทอมเซน รองประธานอาวุโสการบริหารจัดการผลิตภัณฑ์ของ Vestas เปิดเผยว่า "เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่มีโอกาสร่วมมือกับ Windlab ในโครงการนี้ ซึ่งกรุยทางให้เราก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านโซลูชั่นพลังงานยั่งยืน ทั้งยังถือเป็นประจักษ์พยานว่าเรามอบโซลูชั่นที่ทำให้พลังงานทางเลือกมีต้นทุนที่ต่ำลงและสอดคล้องตามข้อกำหนดด้านโครงข่ายไฟฟ้า นอกจากนี้ ด้วยประสบการณ์นาน 35 ปีในการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านโครงข่ายไฟฟ้าอันซับซ้อนและการพัฒนาระบบควบคุมโรงไฟฟ้าขั้นสูงของ Vestas จึงมีรากฐานในการเป็นผู้นำด้านโซลูชั่นไฮบริดด้วย"

 

นายไคลฟ์ เทอร์ตัน ประธาน Vestas Asia Pacific กล่าวว่า "โซลูชั่นที่เป็นการจัดเก็บ แบบผสมผสานพลังงานลมและแสงอาทิตย์ได้มอบศักยภาพอันยิ่งใหญ่ให้กับออสเตรเลีย โครงการ Kennedy Phase I นี้มีความสามารถในการดึงพลังงานทดแทนที่มีอยู่มากมายในออสเตรเลียมาใช้ อีกทั้งยังเป็นการก้าวกระโดดที่ยิ่งใหญ่ของประเทศในการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรเหล่านั้น ในขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดความมั่นใจว่าจะมีแหล่งจ่ายไฟที่มีความมั่นคงและเชื่อถือได้ ซึ่ง Kennedy ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการให้บริการโซลูชั่นของ Vestas และพันธมิตรอย่าง Windlab" 

 

นอกจากนี้ Vestas ยังมีสัญญาการบริการด้านการจัดการพลังงานหรือ Active Output Management 4000 (AOM4000) ระยะเวลา 15 ปี ซึ่งรวมถึงแพคเกจบริการกังหันลมแบบเต็มรูปแบบ ที่ครอบคลุมการดูแลรักษาแผงโซลาร์เซลล์, การกักเก็บพลังงาน และระบบไฟฟ้าตามกำหนดระยะเวลาอยู่อีกด้วย

 

Vestas และ Quanta Services จะร่วมกันดำเนินการด้านวิศวกรรม, การจัดซื้อจัดจ้าง, และการก่อสร้างโครงการดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินงานได้ในช่วงปลายปี 2561

 

โครงการนี้ถูกวางไว้ให้เป็นเฟสแรกของสวนพลังงาน Kennedy Energy Park ขนาด 1,200 MW ของ Windlab ซึ่งจะมอบผลประโยชน์อย่างมีนัยสำคัญในด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการผลิตพลังงานอย่างยั่งยืนให้กับรัฐควีนส์แลนด์และประเทศออสเตรเลีย

 

สำหรับ Windlab ถือเป็นบริษัทด้านการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนระดับสากล ที่ตั้งขึ้นเพื่อนำเทคโนโลยีในการประเมินพลังงานลมและการสร้างแบบจำลองด้านบรรยากาศมาใช้ในเชิงพาณิชย์ โดยได้รับการพัฒนาจาก CSIRO ซึ่งเป็นสถาบันวิทยาศาสตร์ชั้นนำของออสเตรเลีย

 

โดย Windlab เป็นเจ้าของและผู้ถือกรรมสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวของชุดเครื่องมือที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมเพื่อใช้ในการกำหนดและพัฒนา รวมถึงการจัดสรรเงินทุน การก่อสร้าง และการดำเนินการโรงไฟฟ้าพลังงานลมคุณภาพสูงทั่วโลกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มความมั่นใจและลดความเสี่ยงให้น้อยลงกับโครงการ

 

ทั้งนี้ Windlab เป็นเจ้าของการพัฒนาโครงการที่มีกำลังการผลิตรวมกันทั้งสิ้น 6,766 MW รวมถึงโครงการในแอฟริกาใต้อีกด้วย Windlab มีความสามารถในการผลิตพลังงานไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 1,033 MW ในสามภูมิภาค จากทั้งโครงการที่กำลังดำเนินการอยู่และยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างในปัจจุบัน  

 

ส่วน Vestas เป็นบริษัทระดับโลกในด้านโซลูชั่นการใช้พลังงานอย่างยั่งยืนจากพลังงานลมโดยใช้กังหันลมมาผลิตเป็นไฟฟ้า บริษัทฯ ทำหน้าที่ออกแบบ ผลิต ติดตั้ง กังหันลมทั่วโลก โดยได้มีการติดตั้งกังหันลมผลิตไฟฟ้ามากกว่า 85 GW ใน 75 ประเทศทั่วโลก โดยบริษัทฯ ได้ทำการติดตั้งกังหันลมมากกว่าผู้ให้บริการรายอื่น ๆ

 

Vestas ใช้ความสามารถในด้านข้อมูลอย่างไม่มีใครเทียบได้มากกว่า 71 GW มาใช้เป็นข้อมูลในการตีความ พยากรณ์ และสร้างประโยชน์จากทรัพยากรลม ตลอดจนนำเสนอโซลูชั่นพลังงานที่ดีที่สุดเท่าที่มีอยู่ในตอนนี้ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังร่วมมือกับลูกค้าและพนักงานอีกกว่า 22,500 คนในการส่งมอบโซลูชั่นการใช้พลังงานลมอย่างยั่งยืนให้กับโลกเพื่อขับเคลื่อนไปสู่อนาคตที่สดใส