COLUMNIST

ทิศทางราคาถ่านหินบีทูมินัสจำหน่ายปลีกภายในประเทศ (ตอนจบ)
POSTED ON -


 

การปรับตัวของยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมถ่านหิน จะเป็นตัวแปรแห่งกลยุทธ์ของการอยู่รอด หนทางใดที่จะเป็นทางออกของกลยุทธ์นี้ จากผู้นำเข้ารายใหญ่ผันตัวสู่การเป็นเทรดเดอร์รายยักษ์ที่หันมาเอาตัวรอดแบบซื้อมาขายไป ทิ้งลานร่อนถ่านขนาดมหึมาที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีไว้เพียงเป็นอนุสรณ์ ว่ามันเคยเป็นเทคโนโลยีที่ดีที่สุด หากจะยังเปิดทำการก็ใช้กำลังการผลิตเพียงกระจิดริด

 

ราคาถ่านหินในปีนี้ สิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นและมีโอกาสมากที่สุด คือ การปรับตัวสูงขึ้นของราคา แต่เป็นการปรับขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยในไตรมาสแรกคุณภาพของถ่านหินที่ผู้จำหน่ายทั้งหลายเริ่มนำเข้าจะเป็นถ่านหินที่มีคุณภาพสูงขึ้นกว่าช่วง 2 ไตรมาสหลังของปี่ที่ผ่านมา ราคาก็เลยมีการปรับตัวขึ้นตามชั้นคุณภาพของถ่านหินนั่นเอง

 

แต่นั่นอาจยังไม่ใช่ราคาที่เป็นบทสรุปตลอดทั้งปี เพราะต้องจับตาดูเพิ่มเติมอีกในบางเรื่อง อาทิเช่น การแข่งขันระหว่างผู้ค้ารายใหญ่ยังจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ ผู้แพ้จะยอมถอยและอยู่อย่างเจียมตัว หรือจะเทหน้าตักสู้ อันนี้ก็ต้องตามดูกันต่อ ถ้ายังจะสู้กันอยู่ ผลประโยชน์และเคราะห์กรรมก็คงจะเกิดกับคุณผู้ใช้ในทันทีเช่นกัน

 

อีกประเด็นที่ทิ้งไม่ได้คือ เรื่องการเมืองที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน อาจจะส่งผลกระทบต่อราคาถ่านอยู่บ้าง แต่คิดว่าคงจะเป็นในทางทิศทางบวกของผู้ใช้ จะว่ากันตรงๆ ก็คือค่อนข้างจะให้คุณกับผู้ใช้มากกว่าให้โทษนั่นเอง ปัญหาม็อบถ่านหินจะหมดไปพักใหญ่ อะไรที่ต้องมาใช้จ่ายในส่วนนี้ก็ลดลง อย่างน้อยก็ใช้ถ่านหินกันได้สะดวกใจขึ้น แต่มันเป็นเพียงปัญหาทางอ้อมเท่านั้น

 

ถ่านหินราคาสูงขึ้นแน่ แต่คงไม่ได้มากมาย จนเป็นเหตุแห่งต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ส่วนปัจจัยภายนอกคงไม่มีสาระสำคัญมากนัก เพราะเมื่อปลายปีที่ผ่านมา รมว.พลังงานไทย ลงนามร่วมกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและทรัพยากรธรณีแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ในบันทึกแสดงเจตนารมณ์ความร่วมมือ (Joint Statement) ด้านพลังงานระหว่างสองประเทศ ตลอดจนขยายความร่วมมือด้านพลังงานด้านต่างๆ ให้มีมากยิ่งขึ้น ดังนั้น คงไม่ต้องกังวลเรื่องขาดแคลนพลังงานเท่าใดนัก