BUSINESS

วินโคสท์-ททบ.5ลงนามติดโซลาร์รูฟท็อปสถานีสนามเป้า เตรียมขยายผลติดตั้งพลังงานสะอาด
POSTED ON 24/11/2564


 

 

วินโคสท์ จับมือ ททบ.5 ลงนาม 2 ฉบับ ศึกษาพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ต้นแบบและการพัฒนาระบบแบตเตอรี่สำรอง (ESS) นำร่องติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปแห่งแรกที่สถานีสนามเป้า 264 KWh พร้อม ESS ก่อนขยายไปยังสถานีโครงข่ายทั่วประเทศในระยะต่อไป พร้อมลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า

นายจักร จามิกรณ์ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สวนอุตสาหกรรม วินโคสท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วินโคสท์ ได้รับสิทธิจาก ททบ.5 แต่เพียงผู้เดียวในการศึกษาและพัฒนา การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งสถานีและโครงข่าย และพื้นที่อื่นๆ ของ ททบ.5 โดยเบื้องต้นทางกลุ่มบริษัทฯ จะเป็นผู้ลงทุนและก่อสร้าง โดยแผนก่อสร้าง บริษัท ฉะเชิงเทรา เพาเวอร์ จำกัด มีประสบการณ์ทั้งการติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) และแผงโซลาร์ฯ ติดตั้งบนพื้นดิน (โซลาร์ฟาร์ม) โดยจะนำร่องแห่งแรกที่สถานีสนามเป้า ขนาด 264 KWh (กิโลวัตต์ชั่วโมง) พร้อมด้วยการติดตั้งระบบ ESS ขนาด 100 KWh ลงทุนประมาณ 10 ล้านบาท โดยจะพัฒนาให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือนหลังลงนาม ซึ่งคาดว่าจะสามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ประมาณเดือนมิถุนายน 2565

 

“การพัฒนาลงทุนติดตั้งที่สถานีสนามเป้านำร่องจะเป็นโซลาร์รูฟท็อป โดยติดตั้งบนหลังคาอาคารสตูดิโอของ ททบ.5 ซึ่งเป็นการลงทุนทั้งหมดจากบริษัทฯ และจะจำหน่ายกลับไปยัง ททบ.5 ซึ่งรูปแบบนี้ก็จะใช้กับพื้นที่อื่นๆ ที่เราจะดำเนินการในระยะต่อไป” นายจักรกล่าว

ด้าน พล.อ.รังษี กิติญาณทรัพย์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก(ททบ.5) กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นก้าวสำคัญในการรองรับจุดเปลี่ยนของประเทศในเรื่องของพลังงานที่จะมุ่งไปสู่พลังงานสะอาดจากพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งถือเป็นพลังงานทางเลือกที่ไทยได้นำมาใช้มากกว่า 10 ปี โดยหลังจากมีการพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่อย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถสำรองไฟไว้ใช้ได้ช่วงกลางคืน ระบบการผลิตไฟจากแสงอาทิตย์จึงมีความมั่นคงมากขึ้น ดังนั้นโครงการนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับเจ้าของกิจการต่างๆ ทั้งอาคารสำนักงาน โรงงานและบ้านเรือนประชาชนทั่วไป หันมาใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์มากขึ้น และทำให้พลังงานทดแทนกลายเป็นพลังงานหลักในที่สุด ซึ่งถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในการปฏิรูปด้านพลังงานครั้งยิ่งใหญ่ของไทย

 

ทั้งนี้ พลังงานแสงอาทิตย์ทั้งการติดตั้งบนหลังคาที่อยู่อาศัย (โซลาร์รูฟท็อป) และติดตั้งบนพื้นดิน (โซลาร์ฟาร์ม) ไทยมีการใช้เป็นพลังงานทางเลือกมา 10 ปี แล้วทั้งที่จริงควรเป็นพลังงานหลัก แต่ติดปัญหาตรงที่ยังขาดแคลนแบตเตอรี่สำรอง (ESS) เพราะการผลิตไฟขึ้นอยู่กับแสงแดด ตอนกลางคืนจึงไม่มีไฟใช้ ซึ่งบริษัท วินโคสท์ฯ มีความพร้อมในเรื่องของเทคโนโลยีอยู่ก่อนแล้วภายใต้ความร่วมมือกับประเทศจีนในการพัฒนาแบตเตอรี่ที่สามารถนำพลังงานมาใช้ในช่วงกลางคืนได้ และได้พัฒนาเทคโนโลยีไปจนถึงระบบที่คุ้มค่าแก่การลงทุนแล้ว และเมื่อ ESS พัฒนามากขึ้นเชื่อว่าภายในปลายปีหน้าจะสมบูรณ์และคุ้มค่าต่อการลงทุนในเชิงธุรกิจ

 

“โครงการนี้จะเป็นการให้สิทธิวินโคสท์ ในการศึกษาพื้นที่ศักยภาพทั้งสถานีเครือข่ายของ ททบ.5 และพื้นที่ต่างๆ ที่เหมาะสมในการดำเนินงาน โดยการติดตั้งแผงโซลาร์ตามรูปแบบที่เหมาะสมของขนาดพื้นที่เป็นสำคัญ ในระยะเวลา 5 ปี เพื่อที่จะนำมาสู่การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่เป็นพลังงานสะอาด โดยทางกลุ่มวินโคสท์จะลงทุนทั้งหมดและขายไฟให้กับ ททบ.5 ในสัญญา 20 ปี ซึ่งทั้งหมดถือเป็นการดำเนินงานที่ตอบโจทย์ของความยั่งยืนอย่างแท้จริง” พล.อ.รังษีกล่าว

 

อย่างไรก็ตามเบื้องต้นจากโครงข่ายสถานีของ ททบ.5 ที่มีศักยภาพมีทั้งสิ้น 53 สถานี ดังนั้นจึงมีแผนจะพัฒนาในเฟสที่ 2 อีก 10 สถานีเครือข่ายที่อยู่ในภูมิภาค โดยคาดว่าจะมีการลงทุนเบื้องต้นประมาณ 30 ล้านบาท

 

บมจ.สวนอุตสาหกรรมวินโคสท์ และบริษัทย่อย ได้เริ่มโครงการพลังงานทดแทนบนหลังคา โดยมีสัญญาขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ตั้งแต่ปี 2558 พัฒนาระบบโซล่าคาร์พอร์ทแห่งแรกในประเทศไทย โดยปัจจุบันบริษัทได้ทดลองและพัฒนาระบบสมาร์ท กริดภายในสวนอุตสาหกรรมวินโคสท์ รองรับการผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนขนาด 12 เมกะวัตต์ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2558 บริษัทฯ มีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในการออกแบบติดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ มากกว่า 28 โครงการ ปัจจุบัน มีโครงการทั้งในและต่างประเทศ ที่รอรับรู้รายได้ (แบ็คล็อก) ในอนาคต