BUSINESS

VNG ปรับโมเดลธุรกิจ เจาะตลาดในปท.รับมือศก.โลกผันผวน สร้างกำไรยั่งยืน
POSTED ON 05/06/2562


Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics

 

VNG ปรับโมเดลธุรกิจ รับมือเศรษฐกิจโลกผันผวนจากปัญหาสงครามการค้า ปั้น "วนชัย วู้ดสมิตร" พัฒนาสินค้าใหม่เจาะค้าปลีก ผ่านการจับมือกลุ่ม "ไดนาสตี้" ผู้นำในอุตสาหกรรมกระเบื้องเซรามิค วางจำหน่ายสินค้าทั่วประเทศ

 

นายวรรธนะ เจริญนวรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วนชัย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (VNG) เปิดเผยว่า ปัญหาสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ กระทบการค้าขายทั่วโลก ตลอดจนการเดินเรือและบริษัทฯก็ได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากยอดขายกว่า 80% มาจากการส่งออก รวมไปถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่าว่าเงินสกุลอื่นๆ ทำให้ราคาขายสินค้าลดต่ำลง อีกทั้งผลพวงปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้จีนต้องชะลอการผลิตอุตสาหกรรมไม้ และชะลอการซื้อไม้แปรรูปจากประเทศไทย อุตสาหกรรมโรงเลื่อยในประเทศไทยจึงชะลอตัวลงอย่างมาก ส่งผลให้เกิดการชะลอการโค่นไม้ยางพาราจากสวนยางพาราที่หมดอายุการกรีด ทำให้ซัพพลายของไม้หายไปจำนวนมาก กดดันผลการดำเนินงานของบริษัทฯในปีที่ผ่านมาประสบปัญหาขาดทุน และคาดว่าปีหน้าจะไม่ขาดทุนแล้ว

 

"ในช่วงเวลาไม่ถึง 5 ปีนี้ มีทั้งปีที่บริษัทฯกำไรมากที่สุดและปีที่ขาดทุนมากที่สุด แสดงให้เห็นว่ากำไรของบริษัทฯผันผวนตามตลาดคอมโมดิตี้ส์โลก ซึ่งในช่วงนี้เศรษฐกิจโลกอาจจะจะมีความผันผวนมากกว่านี้ ทำให้เรามีความจำเป็นต้องปรับโมเดลธุรกิจใหม่ ให้มีความเชื่อมโยงกับตลาดคอมโมดิตี้ส์ของโลกลดลง แต่จะพัฒนาให้ขายสินค้าในตลาดในประเทศเพิ่มขึ้น ทั้งตลาดปลายน้ำใหม่ๆ ตลาดค้าปลีก และ ตลาด Finished Products การปรับโมเดลครั้งนี้จะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2565 ซึ่งจะทำให้ธุรกิจของ VNG สามารถสร้างกำไรได้อย่างยั่งยืนสม่ำเสมอและเติบโตอย่างยั่งยืน สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคต โดยในปี 2565 ได้วางเป้าหมายรายได้ไว้ที่ระดับ 20,000 ล้านบาท"

 

สำหรับโมเดลธุรกิจใหม่ของบริษัทฯ จะเพิ่มการขายสินค้าในประเทศเป็น 50% จากเดิมที่มีเพียง 20% โดยยอดขายประเทศไทย 50% จะเป็นFinished Products ที่บริษัทฯกำลังพัฒนาขึ้นมาใหม่ โดยดำเนินการผ่านบริษัทย่อย คือ บริษัท วนชัย วู้ดสมิธ จำกัด โดยจะใช้แบรนด์สินค้าคือ "วนชัย วู้ดสมิตร" ซึ่งโมเดลใหม่นี้จะทำให้บริษัทฯสามารถสร้างผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง และสม่ำเสมอ ไม่ผันผวนตามเศรษฐกิจโลก

 

นายวรรธนะ กล่าวต่อว่า ตลาดปลายน้ำและตลาดค้าปลีก การใช้ไม้อัด wood-based panel ในประเทศไทยไม่ได้เจริญเติบโตขึ้นเหมือนในประเทศอื่นๆ ทั่วโลก แสดงให้เห็นว่าการใช้ไม้ในการก่อสร้างในประเทศไทยไม่ได้รับการพัฒนาเลย บริษัทฯ มีความตั้งใจจะพัฒนาตลาดการใช้ไม้อัด wood-based panelในประเทศให้ทัดเทียมนานาประเทศ ด้วยเนื่องจากไม้เป็นวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุดเมื่อเทียบกับ เหล็ก ซีเมนต์ และ พลาสติก การผลิตไม้ wood-based panel ของบริษัทฯมีกระบวนการผลิตที่มีความ sustainable สมบูรณ์ครบวงจร

 

นอกจากนี้ VNG ยังได้จัดตั้งบริษัทฯใหม่เพื่อเข้ามาบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์ จะเห็นความชัดเจนในปีนี้เพื่อรองรับการสเติบโตของ "วนชัย วู้ดสมิตร" และการขายสินค้าภายในประเทศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพควบคู่กับการลดต้นทุนและช่วยให้ "วนชัย กรุ๊ป"และ "วนชัย วู้ดสมิตร" สามารถบริการลูกค้าผู้บริโภคทั่วประเทศได้ดีสมบูรณ์

 

เขากล่าวต่อในช่วงท้ายว่าปัจจุบันบริษัทฯ ได้เริ่มก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีกำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ โดยวัตถุดิบก็คือเศษเปลือกไม้ที่เหลือจากการผลิตในโรงงาน และรากไม้ที่เหลือจากโค่นไม้ยางพาราที่หมดอายุ และ จะดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลที่จังหวัดชลบุรี และ จังหวัดสระบุรีด้วย นอกจากนี้ ยังได้เริ่มใช้พลังงานไฟฟ้า solar roof ที่โรงงานสระบุรีแล้วในปีนี้ มีกำลังการผลิต 3.5 เมกะวัตต์ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิตได้อย่างมากเช่นกัน และ จะดำเนินโครงการ solar roof ที่โรงงานชลบุรี และ สุราษฎร์ธานี ต่อไปด้วย