BUSINESS

ALLA เดินหน้าประมูลงานใหญ่ ฟุ้ง Automated Warehouse รุ่งตามเทรนด์โลจิสติกส์มาแรง
POSTED ON 03/12/2561


Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics

ALLA เปิดแผนธุรกิจปี 62 ตั้งเป้ารายได้โต 10% ประเมินภาครัฐและเอกชนแห่ลงทุนขานรับปัจจัยบวก การเลือกตั้งและการผุดของ EEC หนุนภาคอุตสาหกรรมฟื้น เดินหน้าเข้าร่วมประมูลงานในกลุ่มรถไฟฟ้า โรงไฟฟ้า ปิโตรเคมี หวังเติมBacklog ให้เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีจำนวน 412 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจใหม่ "Automated Warehouse" สดใสตามเทรนด์โลจิสติกส์กลายเป็นธุรกิจดาวรุ่ง

 

นายองอาจ ปัณฑุยากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล่า จำกัด(มหาชน) หรือALLA เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้จัดทำแผนธุรกิจปี 2562 ตั้งเป้าหมายรายได้คาดว่าจะเติบโตราว 15% เนื่องจากประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศจะกระเตื้องขึ้น การลงทุนของภาครัฐและเอกชนจะฟื้นตัวภายหลังการเลือกตั้ง รวมถึงเห็นความคืบหน้าของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(EEC) ซึ่งจะสนับสนุนให้เกิดความต้องการใช้อุปกรณ์ขนถ่ายวัสดุในโรงงานอุตสาหกรรม ในส่วนของงานเครนและรอกไฟฟ้า อุปกรณ์ช่องโหลดสินค้า และประตูอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯ

 

ในปี 2562 บริษัทฯจะเดินหน้าเข้าร่วมประมูลงานในอุตสาหกรรมหลักของประเทศ ทั้งในส่วนของโรงไฟฟ้า รถไฟฟ้า และอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เพื่อคาดหวังเพิ่มมูลค่างานในมือ(Backlog) ให้เพิ่มขึ้นจากสิ้นไตรมาส 3/2561 มีจำนวน 412 ล้านบาท ซึ่งมูลค่างานดังกล่าวจะทยอยรับรู้ตั้งแต่ไตรมาส 4/2561 ไปจนถึงปี 2562

 

ขณะเดียวกันในส่วนของธุรกิจระบบขนถ่ายสินค้าอัตโนมัติ "Automate Warehouse" นั้น เป็นไปในทิศทางที่ดี และมีความต้องการสูงสอดคล้องกับทิศทางการเติบโตของธุรกิจโลจิสติกส์ โดยเฉพาะภายหลังได้รับความไว้วางใจจากบริษัท ซีพีออล์ จำกัด(มหาชน) หรือCPALL ให้เข้าไปดูแลงานระบบจัดการคลังสินค้า (Warehouse System Provider) โดยคาดว่างานจากCPALL จะมีเข้ามาอย่างต่อเนื่องตามการขยายตัวของร้านสะดวกซื้อ7-11

 

สำหรับความคืบหน้าในการจัดตั้งสำนักงานตัวแทนในประเทศอินโดนีเซีย คาดว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี 2561 นี้ และเริ่มส่งตัวแทนผู้บริหารคนไทยเข้าไปดูแลตั้งแต่ต้นปี 2562 ทำให้จะเริ่มเห็นผลเชิงบวกตั้งแต่ต้นปีหน้าเป็นต้นไป

 

ขณะที่งวด 9 เดือนแรกของปี 2561 บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 43.86 ล้านบาท เติบโต 16.21% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2560 ที่มีกำไรสุทธิ 37.74 ล้านบาท โดยมีรายได้ในงวด 9 เดือนแรกของปี 2561 ที่ 450 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 2% และมีอัตรากำไรสุทธิที่ระดับ 14% อัตราหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ในระดับต่ำเพียง 0.25 เท่า