BUSINESS

EPG เดินหน้าปรับกลยุทธ์ 3 ธุรกิจหลัก สร้างการเติบโตต่อเนื่อง
POSTED ON 19/02/2561


Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics

 

 

รศ.ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์และพลาสติกแปรรูป เปิดเผยถึงผลประกอบการในช่วง 9 เดือน ปี 2560/61 ว่า มีรายได้จากการขาย 7,183.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.5% มีกำไรสุทธิ 761.3 ล้านบาท ลดลง 31.4% จากงวด 9 เดือนของปีก่อนหน้า โดยในไตรมาส 3 ปี 2560/61 (ต.ค.-ธ.ค.2560) มีรายได้จากการขาย 2,371.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.0% และมีกำไรสุทธิ  183 ล้านบาท ลดลง  44.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

ทั้งนี้ รายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 ปี 2560/61 นี้ ต่ำกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้ เนื่องจากปัจจัยหลายประการที่เข้ามากระทบพร้อมกัน ประกอบด้วย (1) การแข็งค่าของเงินบาท ทำให้รายได้จากต่างประเทศลดลง (2) ต้นทุนขายสินค้าเพิ่มขึ้นจากราคาวัตถุดิบสูงขึ้น และ (3) การใช้กำลังการผลิตในกลุ่มผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ไม่ได้ Economy of Scale 

 

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้ดำเนินการปรับกลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโตของผลประกอบการอย่างต่อเนื่องในทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจหลัก โดยในส่วนของธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ AEROFLEX บริษัทฯ เริ่มทยอยลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตด้วยเครื่องจักร High speed ในสหรัฐอเมริกา เพื่อมุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้าใหม่ เช่น อาคารสำนักงาน โรงงานอุตสาหกรรม และที่พักอาศัย เป็นต้น และจะเริ่มทยอยปรับขึ้นราคาสินค้าทั้งในประเทศสหรัฐอเมริกา และอีกหลายประเทศ

 

สำหรับตลาดในประเทศเตรียมลงทุนขยายโรงงาน โดยการเพิ่มกำลังการผลิตฉนวนยางประเภท EPDM และโพลีเมอร์ คาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 250 ล้านบาท จะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือน มี.ค.2561 ส่วนผลิตภัณฑ์ฉนวนกันความร้อนใต้หลังคา (Aero-roof) ได้เตรียมเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรด และร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างเพื่อกระจายสินค้าสู่ผู้บริโภคให้มากที่สุด

 

ทั้งนี้ เมื่อแยกเป็นผลิตภัณฑ์ ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2560/61 ของ AEROFLEX มีรายได้จากการขาย 709.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งการเติบโตส่วนใหญ่มาจากทวีปเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประเทศอาเซียน ขณะที่ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ภายใต้แบรนด์ AEROKLAS บริษัทฯ ได้เข้าซื้อกิจการ Flexiglass ซึ่งจำหน่ายสินค้าตกแต่งรถกระบะและรถ SUV ประเภทขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ ในประเทศออสเตรเลีย โดยมี distributors และ dealers มากกว่า 100 แห่ง และมีสาขาของตนเองรวม 5 แห่ง การเข้าลงทุนดังกล่าวจะสามารถเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายให้กับ AEROKLAS ถือเป็นการเปิดโอกาสทางธุรกิจครั้งสำคัญ โดยบริษัทฯ มีแผนจะขยายธุรกิจในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งมีฐานลูกค้าและการให้บริการครบวงจร ทำให้มีโอกาสในการขยายฐานลูกค้าและเพิ่มความสามารถในการทำกำไรในอนาคตมากขึ้นด้วย 

 

ผลประกอบการของ AEROKLAS ในไตรมาส 3 ปี 2560/61 มีรายได้จากการขาย 1,093.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 

 

สำหรับธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกภายใต้แบรนด์ EPP ได้มีการเร่งทำการตลาดเพิ่มมากขึ้นในกลุ่มสินค้าบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภททั่วไปแบรนด์ eici ซึ่งการทำการตลาดในกลุ่มนี้จะมุ่งเน้นการใช้กำลังการผลิตที่มีอยู่ 32,000 ตันให้สูงขึ้น โดยบริษัทฯ มุ่งเน้นการขยายสัดส่วนลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมมากขึ้น ซึ่งในไตรมาส 3 ปี 2560/61 นั้น EPP มีรายได้จากการขาย 568.3 ล้านบาท ลดลง 9.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลจากการบริโภคภายในประเทศปรับตัวขึ้นช้ากว่าที่คาดไว้ และการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้นในตลาดบรรจุภัณฑ์พลาสติก