BUSINESS

อมตะ ปรับโฉมธุรกิจครั้งใหญ่ มุ่งสู่ผู้นำ Smart City ระดับโลก
POSTED ON 12/02/2561


Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics

 

 

เมื่อวันที่ 18-20 ม.ค.2561 ที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทอมตะจัดงานประจำปี AMATA BEYOND 2018 ภายใต้แนวคิด “Towards Smart City” พร้อมกับจัดการแสดงนิทรรศการ “AMATA SMART CITY EXHIBITION” ขึ้นเป็นครั้งแรก ณ อมตะคาสเซิล จ.ชลบุรี เพื่อสร้างเวทีสำหรับลูกค้า คู่ค้า นักลงทุน นักศึกษา และบุคคลที่สนใจ ได้ทำความรู้จัก แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และสร้างเครือข่ายระหว่างกัน โดยมีบริษัทชั้นนำระดับโลกที่มีสายการผลิตในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ ตลอดจนบริษัทในเครือและคู่ค้าของอมตะกว่า 40 บริษัท ร่วมจัดแสดงผลิตภัณฑ์และบริการด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมบรรยายพิเศษในหัวข้อ “นวัตกรรมเพื่อส่งเสริมการก้าวไปสู่เมืองอัจฉริยะ” จากผู้นำองค์กรชั้นนำระดับโลกอีกด้วย

 

นายวิกรม กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การจัดแสดงนวัตกรรมและกิจกรรมพิเศษต่าง ๆ ในครั้งนี้ เป็นโอกาสอันดีสำหรับทุกคนที่ต้องการสร้างความสัมพันธ์ใหม่และเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างกัน รวมถึงมองหาโอกาสทางธุรกิจ นอกจากนี้ อมตะหวังว่าการจัดแสดงนวัตกรรมจะจุดประกายและสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ให้สนใจศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากขึ้น เพื่อให้เป็นกำลังสำคัญของประเทศในการพัฒนาและก้าวหน้าต่อไป”

 

ทั้งนี้ อมตะยังได้นำเสนอโครงการในปัจจุบันและโครงการใหม่ของบริษัทฯ โดยนายวิกรมเปิดเผยว่า ในปีนี้กลุ่มอมตะได้กำหนดแผนการดำเนินงานระยะ 5 ปี มุ่งสู่การเป็นผู้นำเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ระดับโลก โดยปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์และพันธกิจใหม่ให้สอดรับกับการพัฒนาที่ไม่หยุดยั้ง ทันต่อการเปลี่ยนแปลงไม่สิ้นสุดของเทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งอนาคต พร้อมก้าวสู่ยุค 4.0 ที่จะพัฒนาเมืองอัจฉริยะและศูนย์การเรียนรู้ในภูมิภาค อีกทั้งยังจะเป็นพื้นที่การลงทุนที่สมบูรณ์แบบในระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งการปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์จากผู้นำการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมระดับโลกสู่การสร้างและพัฒนาให้เกิดเมืองที่สมบูรณ์แบบ (Perfect City) เมืองที่มีการพัฒนาและสร้างสรรค์ให้เกิดแต่สิ่งดี ๆ มีประโยชน์ต่อทุกคนที่อยู่ในเมือง และปรับเปลี่ยนพันธกิจใหม่จากพัฒนาเมืองที่มีความทันสมัย บริการคุณภาพ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สู่การยึดมั่นในวัฒนธรรมของการให้ทุกคนได้รับประโยชน์และได้สิ่งที่ดี ด้วยความมุ่งมั่นในการบุกเบิกและค้นหานวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะสร้าง Smart City (เมืองอัจฉริยะ) และยกระดับชีวิตให้มีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้น นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงโลโก้และชื่อเรียกโครงการใหม่จาก “อมตะนคร” สู่ “อมตะ ซิตี้ ชลบุรี” และ “อมตะ ซิตี้” สู่ “อมตะ ซิตี้ ระยอง” เพื่อมุ่งสู่ความเป็นสากลความทันสมัยสอดรับเป้าหมายการยกระดับนิคมอุตสาหกรรมสู่ผู้นำเมืองอัจฉริยะระดับโลก

 

 

“นับจากวันนี้แผนงานการพัฒนาโครงการอมตะ ซิตี้ ชลบุรี จะเน้นความเป็นเมืองแห่งพลังงานสะอาด และเป็นต้นแบบของนิคมฯ ในกลุ่มอมตะทั้งในและต่างประเทศ ด้วยการบริหารจัดการพลังงานทางเลือกอย่างชาญฉลาดด้วยเทคโนโลยีทันสมัย รวมถึงการจัดการทรัพยากรทางด้านพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งขณะนี้มีหลายโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาตามแผนงานยุทธศาสตร์ เพื่อสนับสนุนการเป็นเมืองอัจฉริยะระดับโลก อาทิ โครงการเมืองวิทยาศาสตร์อมตะ ( AMATA Science City) และโครงการเมืองการศึกษา (Edu Town ) เพื่อเป็นส่วนสนับสนุนให้ประเทศไทยได้เป็นศูนย์กลางการศึกษาและพัฒนาในด้านต่าง ๆ ที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนได้” นายวิกรม กล่าว

 

ทั้งนี้ แผนการลงทุนเพื่อพัฒนานิคมฯ ให้เป็นเมืองอัจฉริยะจะครอบคลุมการพัฒนาในด้านต่าง ๆ ทั้งหมด 10 ด้านหลัก ได้แก่ (1) พลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy) (2) การเดินทางอัจฉริยะ(Smart Mobility) (3) ชุมชนอัจฉริยะ (Smart Community) (4) สิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ (Smart Environment) (5) ระบบการศึกษาอัจฉริยะ (Smart Education) (6) สายการผลิตอัจฉริยะ (Smart Manufacturing) (7) เมืองอากาศยานอัจฉริยะ (Smart Aerospace City) (8) นวัตกรรมอัจฉริยะ (Smart Innovation) (9) ระบบเศรษฐกิจอัจฉริยะ (Smart Economy) และ (10) การบริหารจัดการเมืองแบบอัจฉริยะ (Smart Governance)

 

สำหรับเป้าหมายการพัฒนาเมืองอัจฉริยะหรือสมาร์ทชิตี้ตามแผนการลงทุนในระยะ 5 ปี (พ.ศ.2561-2564) ของอมตะฯ นั้น รูปแบบการลงทุนจะร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อดำเนินโครงการเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเมืองอัจฉริยะของโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น บริษัท อินชอน สมาร์ทชิตี้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (Incheon Smart City Corporation) ประเทศเกาหลี และบริษัท Saab AB จากประเทศสวีเดน เป็นต้น

 

กลุ่มอมตะฯ มีเป้าหมายในการพัฒนานิคมฯ ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันได้พัฒนานิคมฯ ที่ประเทศเวียดนามไปแล้วเป็นแห่งแรก และอมตะยังมีแผนที่จะขยายการลงทุนไปยังประเทศอื่น ๆ ในอาเซียนเพิ่มขึ้น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาในประเทศเมียนมา ทั้งนี้ ได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลท้องถิ่นย่างกุ้งและบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) แล้วเมื่อกลางปี 2560 ที่ผ่านมา เนื่องจากอมตะได้เล็งเห็นศักยภาพตามยุทธศาสตร์การพัฒนาเส้นทางสายไหมใหม่ของจีน ภายใต้ชื่อ One belt One Road ตามการพัฒนาเส้นทางการค้าการลงทุนของจีนในภูมิภาคอาเซียน

 

สำหรับการดำเนินธุรกิจพัฒนานิคมฯในประเทศเวียดนาม ปัจจุบันมี 2 แห่ง ประกอบด้วย บริษัท อมตะชิตี้ เบียนหัว จังหวัดดองไน บนพื้นที่ 700 เฮกตาร์ หรือ 4,375 ไร่ ถือเป็นโครงการแรกที่อมตะเข้าพัฒนาในต่างประเทศ ซึ่งในขณะนี้มีนักลงทุนเข้าประกอบกิจการเกือบเต็มพื้นที่ ส่วนบริษัท อมตะชิตี้ ลองถั่น จังหวัดดองไน โครงการที่ 2 ตั้งอยู่บนพื้นที่ 1,270 เฮกตาร์ หรือ ประมาณ 8,000 ไร่ แบ่งเป็นโครงการนิคม 33% และโครงการพัฒนาเมืองชุมชน 67%  โดยในปีนี้บริษัฯ จะเริ่มพัฒนาและเปิดขายพื้นที่โครงการนิคมอุตสาหกรรมไฮเทคเป็นอันดับแรก โดยคาดว่าเงินลงทุนที่ต้องใช้สำหรับโครงการนี้อยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท 

 

นอกจากนี้ อมตะยังได้ขยายไปยังภาคเหนือของเวียดนามที่เมืองฮาลอง จังหวัดกว่างนิงห์ ภายใต้ชื่อ บริษัท อมตะ ชิตี้ ฮาลอง (AMATA City Halong) ถือว่าเป็นโครงการที่มีขนาดใหญ่ บนพื้นที่การลงทุนใหม่ขนาด 5,789 เฮกตาร์ หรือประมาณ 36,200 ไร่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ยืนยันว่ารัฐบาลเวียดนามให้ความสำคัญและไว้วางใจต่ออมตะเป็นอย่างยิ่ง

 

สำหรับจังหวัดกว่างนิงห์ ถือเป็นจังหวัดชายแดนของเวียดนามที่ติดต่อกับประเทศจีนตอนใต้ มีการพัฒนาสาธารณปโภคที่สำคัญต่ออุตสาหกรรม เช่น ถนนใหม่ไฮเวย์หมายเลข 5 เชื่อมฮานอย-ไฮฟอง-ฮาลอง ที่ใกล้เสร็จเรียบร้อย การยกระดับท่าอากาศยานนานาชาติแคทบี่ (Cat Bi) ที่เสร็จเรียบร้อย และท่าเรือน้ำลึกหลักเฟี่ยน (Lach Huyen) ที่พร้อมเสร็จภายในต้นปี 2561 นี้ ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญในภาคเหนือของประเทศเวียดนาม

 

ปัจจุบันโครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตการลงทุนต่อรัฐบาลกลาง โดยการสนับสนุนของรัฐบาลท้องถิ่น โดยบริษัทฯ วางแผนการลงทุนและพัฒนาในเฟสแรกบนพื้นที่ขนาด 714 เฮกตาร์ หรือประมาณ 4,500 ไร่ คาดว่าต้องใช้เงินลงทุนราว 5,500 ล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทฯ คาดว่าจะได้รับการอนุมัติใบอนุญาตการลงทุน พร้อมกับขอส่งเสริมให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษไปพร้อม ๆ กัน

 

ทั้งนี้ การลงทุนในเวียดนามทั้งหมดจะลงทุนผ่าน บริษัท อมตะ วีเอ็น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งส่วนที่จะสร้างความเติบโตและความยั่งยืนให้กับกลุ่มอมตะ นอกจากนี้ ยังจะได้เริ่มมีการนำแนวคิดของเมืองอัจฉริยะรวมถึงการพัฒนาธุรกิจแบบยั่งยืนไปปรับใช้ด้วยเช่นกัน  

 

ปัจจุบัน เมืองอุตสาหกรรมของอมตะมีส่วนสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาค เป็นที่ตั้งของโรงงานผู้ผลิตชั้นนำและบางส่วนที่อยู่ใน Global Fortune 500 จำนวน 1,300 โรงงาน จากกว่า 30 ประเทศ มีการจ้างงานกว่า 300,000 อัตรา และมีมูลค่าการผลิตรวมกว่า 40,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (รวมทุกโครงการในประเทศไทยและเวียดนาม)