BUSINESS

SCG แถลงผลประกอบการไตรมาส 1/2560 กำไรทะลุ 1.7 หมื่นล้านบาท
POSTED ON 28/04/2560


Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics

 

 

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCG เปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 1/2560 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 116,268 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไร 17,386 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการดำเนินงานด้านธุรกิจเคมีภัณฑ์ที่ดีขึ้น โดยในไตรมาสแรกของปีนี้มีรายได้ 54,271 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไร 13,367 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ธุรกิจแพ็กเกจจิ้งมีรายได้ 19,841 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการขายสินทรัพย์ส่วนที่ไม่ได้ใช้งาน เช่น การขายหุ้นใน บมจ.พีทีที โกลบอล เคมีคอล (PTTGC) ที่เคยเข้าไปลงทุนทั้งหมด และยังมีรายได้จากการส่งออก 31,044 ล้านบาท คิดเป็น 27% ของยอดขายรวม โดยเป็นการส่งออกไปยังอาเซียนและรายได้จากธุรกิจที่มีฐานในเอเชีย รวมเป็นเงินกว่า 25,918 ล้านบาท คิดเป็น 23% ของยอดขายรวม ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

สำหรับการลงทุนในต่างประเทศ อย่างที่เวียดนาม บริษัทฯ ได้เข้าไปลงทุนใน Vietnam Construction Materials JSC หรือ VCM ธุรกิจซีเมนต์ครบวงจรในเวียดนาม กำลังการผลิต 3.1 ล้านตันต่อปี ซึ่งสามารถรองรับความต้องการของตลาดปูนซีเมนต์ในภูมิภาคต่าง ๆ ของเวียดนามได้เป็นอย่างดี ส่วนโครงการ Long Son Petrochemicals ซึ่งเป็นโครงการปิโตรเคมีครบวงจรแห่งแรกของเวียดนาม ที่ SCG ได้เพิ่มการลงทุนเป็น 71% นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างสรุปรายละเอียดกับพันธมิตรผู้ร่วมทุน คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในกลางปี 2560 นี้ โดยจะใช้เวลาก่อสร้าง 5 ปี และเริ่มผลิตได้ในปี 2565 ขณะเดียวกัน

 

ในประเทศเมียนมา ขณะนี้โรงงานปูนซีเมนส์ของบริษัทฯ ได้เริ่มผลิตสินค้าออกสู่ตลาดแล้วตั้งแต่เดือน ม.ค.2560 ที่ผ่านมา ขณะที่โรงงานใน สปป.ลาว เองก็เริ่มเดินเครื่องผลิตสินค้าในเดือน มี.ค.2560 ที่ผ่านมาแล้วเช่นกัน ส่งผลให้ปัจจุบัน SCG มีกำลังการผลิตปูนซีเมนต์ในอาเซียนที่ไม่นับรวมประเทศไทยอยู่ที่ 10.5 ล้านตันต่อปี

 

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการลงทุนในโครงการ Indocorr เพื่อผลิตบรรจุภัณฑ์กระดาษคุณภาพสูงในอินโดนีเซีย ด้วยกำลังการผลิตรวม 32,000 ตันต่อปี โดยขณะนี้ SCG มีกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์กระดาษรวมอยู่ที่ 1,045,000 ตันต่อปี ทั้งนี้ คาดภาพรวมธุรกิจทั้งปีของบริษัทฯ น่าจะเติบโตได้ 5-10% ตามเป้าหมาย

 

ส่วนแผนการเข้าไปลงทุนในพื้นที่พื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC นั้น SCG อยู่ระหว่างศึกษาแนวทาง รวมถึงสิทธิประโยชน์ในการลงทุน ที่คาดจะมีความชัดเจนเกี่ยวกับแผนลงทุนเร็ว ๆ นี้ ทั้งธุรกิจเคมีภัณฑ์ ธุรกิจก่อสร้าง และธุรกิจแพ็กเกจจิ้ง