BUSINESS

ปตท.สผ. เผย Q1/2560 มีกำไรกว่า 12,000 ล้านบาท
POSTED ON 28/04/2560


Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics

 

นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 1/2560 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,092 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 1/2559 ซึ่งมีรายได้ 1,085 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีกำไรสุทธิ 349 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงขึ้นมากกว่า 100% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2559 โดยเป็นส่วนของกำไรจากการดำเนินงานตามปกติ (Recurring Net Income) จำนวน 211 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นผลหลักจากการปรับตัวขึ้นของราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยมาอยู่ที่ 38 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ตามการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่ประมาณ 35 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ประกอบกับต้นทุนต่อหน่วย (Unit Cost) ในไตรมาสนี้ที่ต่ำกว่าไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา

 

นายสมพร กล่าวถึงทิศทางการดำเนินงานปี 2560 ด้วยว่า ปตท.สผ. มองว่าด้วยราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นจากความร่วมมือตามข้อตกลงในการลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกและกลุ่มนอกโอเปก โดยคาดว่าในครึ่งแรกของปี 2560 ราคาน้ำมันน่าจะเคลื่อนไหวที่ระดับ 50-55 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะส่งผลบวกกับราคาผลิตภัณฑ์เฉลี่ยของ ปตท.สผ.ทั้งปี และปตท.สผ.ยังคงมีความพยายามในการลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง

 

ส่วนการร่วมประมูลแหล่งสัมปทานปิโตรเลียมที่กำลังจะหมดอายุในปี 2565-2566 นั้น ปตท.สผ.ยืนยันถึงความพร้อมที่จะเข้าประมูลแหล่งสัมปทานดังกล่าว เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญในการดำเนินงานเป็นอย่างดี มีต้นทุนที่แข่งขันได้ ที่สำคัญคือสามารถสร้างความต่อเนื่องในการผลิตก๊าซธรรมชาติให้กับประเทศ ซึ่งมีผลต่อความมั่นคงทางพลังงานของประเทศไทยในอนาคต

 

นอกจากนี้ ปตท.สผ. ยังคงแสวงหาโอกาสในการร่วมมือกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เพื่อลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) อย่างครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ (LNG Value Chain) โดยจะมีความชัดเจนเรื่องการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายในปีนี้ รวมถึงการเข้าซื้อกิจการที่อยู่ในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ ปตท.สผ. มีความชำนาญและสามารถดำเนินการได้ด้วยต้นทุนและความเสี่ยงต่ำ