AUTOMATION

ไทยเบฟ ตั้งบริษัทพัฒนาเครื่องจักร-หุ่นยนต์อัตโนมัติสำหรับใช้ในโรงงาน
POSTED ON 05/06/2561


Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics

 

 

กลุ่มไทยเบฟเวอเรจ ในเครือทีซีซี (TCC) ผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และนอนแอลกอฮอล์รายใหญ่ของไทย จัดตั้ง บริษัท เบฟเทค จำกัด (BevTech) ขึ้น เมื่อเดือน ธ.ค.2560 ที่ผ่านมา เพื่อศึกษาและพัฒนาเครื่องจักร หุ่นยนต์ สำหรับนำมาใช้กับโรงงานในเครือไทยเบฟ โดยดึงระดับหัวกะทิจากหน่วยงานวิศวกรรมของบริษัทในเครือมารวมตัวกัน เพื่อพัฒนาเครื่องจักรและหุ่นยนต์สำหรับใช้ในโรงงานของเครือไทยเบฟ มุ่งเน้นยกระดับการผลิตเป็นระบบออโตเมชั่น

 

นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กลุ่มบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ปัจจุบันโรงงานในกลุ่มไทยเบฟ ทั้งโรงงานผลิตสุรา เบียร์ เครื่องดื่มอัดลม น้ำดื่ม และชาเขียว จำนวนรวม 30-40 โรงงาน ได้ยกระดับการผลิตเป็นระบบออโตเมชั่น ด้วยการใช้เครื่องจักรและหุ่นยนต์แล้ว ซึ่งระดับการใช้ระบบออโตเมชั่นของแต่ละโรงงานแตกต่างกัน แต่จะทยอยยกระดับให้แตะระดับ 70-90% ของกระบวนการผลิตทั้งหมด โดยโรงงานโออิชิ ทั้ง 4 แห่ง (3 แห่งผลิตเครื่องดื่ม และ 1 แห่งผลิตอาหาร) ใช้ระบบออโตเมชั่น 90% ขณะที่โรงงานเบียร์ 3 แห่ง ใช้ระบบออโตเมชั่น 80% ส่วนโรงงานกลุ่มธุรกิจสุรา และโรงงานเสริมสุข ใช้ระบบออโตเมชั่น 50%”

 

โรงงานผลิตในอนาคตจะเป็น Fully Automation และใช้ Robotics เพื่อลดการใช้แรงงาน ขณะที่คนจะพัฒนาไปสู่การบริหารจัดการ พัฒนาทักษะและองค์ความรู้ ไม่ได้ใช้ด้านแรงงานหยิบของ ยกของ ส่งของ เพราะงานแรงงานเป็นสิ่งที่เครื่องจักรทำได้ ซึ่งถ้าซื้อหุ่นยนต์จากคนอื่น ต้นทุนจะสูง แต่ถ้าเราสร้างหุ่นยนต์เอง

 

ดร.พิษณุ วิเชียรสรรค์ กรรมการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าว และเป็นหัวเรือใหญ่ของเบฟเทค กล่าวว่า “จากในอดีตบางโรงงานใช้ออโตเมชั่นแค่ 20% ของกระบวนการผลิตทั้งหมด ซึ่งในอนาคตต้องยกระดับขึ้นไปเป็น 40%, 60%, 70% และไปถึง 80-90% แต่คงจะไม่ถึง 100% เพราะวัตถุประสงค์ของการใช้ระบบออโตเมชั่นไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่จ้างคน แต่ทุกวันนี้ต้องยอมรับว่าแรงงานหายาก และต้องมองในมุมสุขภาพของพนักงาน ที่ในแต่ละวันต้องยกลังจำนวนมาก เพราะฉะนั้นกลุ่มไทยเบฟ ไม่ได้มีนโยบายเลิกจ้างพนักงาน แต่เราต้องเปลี่ยน Labor ให้เป็น Operator โดยฝึกอบรมพนักงานให้เป็นคนควบคุมระบบเครื่องจักร – หุ่นยนต์ และจากนั้นเราต้องยกระดับพนักงานขึ้นเป็น Supervisor”

 

ในกลุ่มไทยเบฟ “โออิชิ” ถือเป็นผู้นำของการใช้ระบบการผลิตแบบ Automation ซึ่งล่าสุดได้ทุ่มงบกว่า 2,000 ล้านบาท เปิดตัวโรงงานโออิชิ วังม่วง จ.สระบุรี พร้อมขยายสายการผลิตและบรรจุด้วยเทคโนโลยีปลอดเชื้อ Cold Aseptic Filling หรือ CAF ไลน์ที่ 4 หรือ CAF4 เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านกำลังการผลิต ส่งผลให้กำลังการผลิตของโรงงานแห่งนี้มีกำลังการผลิต 360 ล้านขวดต่อปี

 

การผลิตในโรงงานแห่งดังกล่าว ส่วนใหญ่ใช้เครื่องจักรและหุ่นยนต์ ขณะที่จำนวนพนักงานทั้งโรงงานมีเพียง 105 คน เมื่อเทียบกับโรงงานทั่วไปที่ไม่ได้ใช้ระบบออโตเมชั่น ต้องใช้พนักงานไม่ต่ำกว่า 1,000 คน

 

จุดเด่นของสายการผลิต CAF4 คือ มีเทคโนโลยี Blow – Aseptic Fill Block ที่สามารถสร้างสรรค์รูปทรงผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย ทำให้ผลิตขวดได้หลายขนาด ไม่จำกัดรูปทรง และเป็นการลดข้อจำกัดของแพ็คเกจจิ้งไม่ให้หยุดอยู่เพียงในรูปแบบขวดที่เราคุ้นชิน เพื่อสร้างความแตกต่าง และเพิ่มฐานลูกค้าผู้ดื่มใหม่ ๆ โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่

 

นอกจากนี้ ยังใช้หุ่นยนต์ช่วยปฏิบัติงาน เพื่อความรวดเร็ว แม่นยำ สามารถบริหารจัดการให้เกิดประโยชน์สูงสุด การใช้คนทำงานน้อยลง ซึ่งช่วยลดต้นทุนในการบริหารจัดการ และโออิชิมีมาตรฐานการควบคุมกระบวนการผลิตอย่างเข้มงวดทุกขั้นตอน รวมถึงการดูแลด้านสิ่งแวดล้อม โดยสามารถลดปริมาณการใช้พลาสติก ฉลาก ลังกระดาษ ได้ขั้นต่ำประมาณ 1,600 ตันต่อปี และลดการใช้พลังงานความร้อน ความเย็น แสงสว่าง และไฟฟ้าจากเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการผลิตรวม 1.5 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี หรือคำนวณเป็นก๊าซเรือนกระจกที่ลดลงได้อย่างน้อย 1,691 ตันต่อปี

 

ที่มา Brand Buffet